วันนี้ (8 มิ.ย.2566) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย นำหลักฐานของกลุ่มผู้ประกอบการรถบรรทุกที่ได้รับความเดือดร้อนจากการส่งส่วยสติกเกอร์ให้กับตำรวจทางหลวง
นายวิโรจน์ กล่าวว่า หลักฐานที่มีเป็นของทั้งผู้ประกอบการ และพลเมืองดีที่แจ้งเบาะแสเข้ามาเพื่อให้ตำรวจนำไปดำเนินการสืบสวนเชิงลึก และดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องต่อ พร้อมกับเชื่อว่า ตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้วและจะขยายผลได้ดีกว่า การนำข้อมูลมาให้เพื่อให้ตรวจสอบว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่
การยื่นหนังสือครั้งนี้คาดหวังให้มีการสืบสวนไปถึงการเรียกรับประโยชน์ทั้งระบบ และให้ดำเนินคดีทั้งผู้สนับสนุนให้บรรทุกน้ำหนักเกิน เช่น โรงโม่ บริษัทขายหินทราย ให้มีคำสั่งยึดใบอนุญาตประกอบโรงงาน หรือใบ รง.4 ซึ่งจะเป็นต้นเหตุของปัญหาบรรทุกน้ำหนักเกินจนนำไปสู่การจ่ายส่วยและไม่ต้องการให้มีการกลั่นแกล้งรังแกผู้ประกอบการที่ทำสุจริต
อีกทั้งการค้าสำนวนของพนักงานสอบสวนที่อาจจะร่วมกับอัยการบางคนในการดำเนินคดีกับรถบรรทุกที่น้ำหนักเกินจากปกติบรรทุกได้ไม่เกิน 55 ตัน แต่เมื่อถึงด่านชั่งน้ำหนักน้ำหนักเกิน 100 - 200 กก.ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ และจะมีคำสั่งยึดรถจากอัยการในระหว่างดำเนินคดีในชั้นศาล และอาจจะถูกอุทธรณ์คดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุดทำให้ถูกยึดรถต่อเนื่อง แต่หากมีการจ่ายเงินก็จะถูกดำเนินคดีในชั้นศาล ซึ่งศาลก็จะสั่งลงโทษ 3,000 - 5,000 บาท และเห็นว่าคดีเหล่านี้เป็นการลงโทษที่ไม่สมส่วน
นายวิโรจน์ ยังระบุว่า ด่านชั่งน้ำหนักต่าง ๆ ก็ต้องมีความน่าเชื่อถืออยู่แล้ว แต่หากน้ำหนักต้นทางบรรทุกมาไม่เกิน หรือเกินเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อถึงด่านชั่งกลับมีน้ำหนักเกินมาเป็น 100 กก. ก็ควรเชื่อว่ารถบรรทุกไม่น่าจะมีเจตนาบรรทุกน้ำหนักเกินจนถึงขนาดนั้น ซึ่งที่ผ่านมารถที่บรรทุกเกินมา 30-40 ตัน ถูกดำเนินคดี แต่บางคันก็ได้รับการยกเว้นและถูกส่งฟ้องไปถึงอัยการ
ขณะที่นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ปัจจุบันมีรถบรรทุกอยู่ในไทยกว่า 1.5 ล้านคัน แต่เป็นสมาชิกของสหพันธ์กว่า 400,000 คัน และได้ทำ MOU กันว่าจะต้องไม่ทำผิดกฎหมาย ซึ่งก็ถือว่าเป็นส่วนน้อยที่อยู่เหนือการควบคุมในการทำผิดกฎหมาย
ปัญหาดังกล่าวก็ถือว่ามีมานานแล้วและไม่ได้รับการแก้ไข ในครั้งนี้เมื่อมีหลักฐานจึงนำมามอบให้ตำรวจตรวจสอบพร้อมยืนยันว่า ไม่มีนัยใด ๆ ทั้งสิ้น หรือเป็นการขัดผลประโยชน์จากกลุ่มผู้ประกอบการในสมาพันธ์ด้วยกันเอง
นานอภิชาติ ยังกล่าวว่า หากพบสมาชิกคนใดทำผิดเงื่อนไขก็จะไล่ออกจากการเป็นสมาชิกทันที และสามารถตรวจสอบรถบรรทุกที่อยู่ในสหพันธ์ฯได้ เพราะมีความชัดเจนมาโดยตลอด ส่วนการเข้าไปร่วมตรวจสอบกับตำรวจหรือจะลงไปตรวจสอบในสถานที่ที่มีปัญหาก็พร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจ
ขณะที่นายวิโรจน์ ยังระบุว่า การเข้ามาร่วมอยู่ในสหพันธ์ของผู้ประกอบการรถบรรทุกเป็นความสมัครใจ ไม่สามารถเหมารวมได้ว่าคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกจะทำผิดกฎหมายทั้งหมด แต่ผู้ประกอบการบางคน หรือเจ้าของรถบรรทุกก็อยู่ในภาวะจำยอมที่ต้องจ่ายส่วย เพื่อทำให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ซึ่งก็ต้องเป็นปัญหาที่ได้รับการแก้ไข
ขณะที่ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จะรับข้อมูลของทั้ง 2 ฝ่ายไปสืบสวนและดำเนินการถึงตำรวจเกี่ยวข้องทั้งหมดไม่เฉพาะตำรวจทางหลวง แต่รวมไปถึงหน่วยอื่น ๆ ตามที่มีข้อมูลปรากฏ
เรื่องดังกล่าว ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ตรวจสอบให้ถึงที่สุด แต่หากใครยังมีข้อมูลในเรื่องดังกล่าวก็สามารถส่งมาให้ได้ ส่วนรถบรรทุกที่ทำถูกกฎหมายอยู่แล้วก็ไม่ต้องกังวล ก็จะได้รับความคุ้มครอง และจะดำเนินการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
"วิโรจน์" เปิดข้อมูลส่วยสติกเกอร์ อ้างเงินสะพัดเกือบ 20,000 ล้านต่อปี
เด้ง “พล.ต.ต.เอกราช” ผู้การทางหลวง ปมส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก
"พล.ต.ต.จรูญเกียรติ " สั่งยุบชุดเฉพาะกิจ ตร.ทล. เซ่นส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก
“ส่วย สติกเกอร์” แลกช่องทางด่วน ผู้ละเมิดกฎหมาย
ป.ป.ช.เชื่อ จนท.รัฐเอี่ยวส่วยสติกเกอร์-จี้ใช้เทคโนโลยีปิดช่องทุจริต
จ่อเด้ง 6 ตร.ทางหลวง โยง "ส่วยสติกเกอร์" สั่งสอบ 50 ด่าน ย้อนหลัง 2 ปี