ธนาคารกรุงเทพ นำร่องประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ร้อยละ 0.05-0.25 เช่นเดียวกับดอกเบี้ยเงินกู้ เพิ่มอีกร้อยละ 0.2 ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) ขยับเป็นร้อยละ 6.85 ส่วนลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) อยู่ที่ร้อยละ 7.05 ต่อปี
ธนาคารกสิกรไทย ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ และเงินฝากประจำสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ร้อยละ 0.05-0.25 ต่อปี และปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้อีกร้อยละ 0.2 ทำให้อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี อยู่ที่ร้อยละ 7.05 ต่อปี
ธนาคารกรุงไทย ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ร้อยละ 0.05-0.25 ต่อปี และดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทอีกร้อยละ 0.2 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อยอยู่ที่ร้อยละ 7.320 ต่อปี
เช่นเดียวกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ทั้งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ปรับขึ้นดอกเบี้ยเช่นกัน โดย EXIM BANK ปรับขึ้น Prime Rate อีกร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 6.25 เป็นร้อยละ 6.50 ต่อปี
ขณะที่ ธ.ก.ส.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ร้อยละ 0.05-0.50 ต่อปี และดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ร้อยละ 0.10-0.25 ต่อปี ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี อยู่ที่ร้อยละ 6.975 ต่อปี เริ่มวันที่ 6 มิ.ย.2566
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย แนะนำประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย หรือค่างวดเพิ่มขึ้น จนอาจผิดนัดชำระหนี้ ให้เข้าเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงิน เพื่อรักษาประวัติการเงินและบรรเทาความเดือดร้อน
อ่านข่าวอื่นๆ
ตามคาด กนง.ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็น 2% ต่อปี มีผลทันที