ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ผลเลือกตั้ง2566 : พรรคไหนถือธงนำเมื่อ “คนใต้” เลือกหลากหลาย

การเมือง
16 พ.ค. 66
12:09
8,800
Logo Thai PBS
ผลเลือกตั้ง2566 : พรรคไหนถือธงนำเมื่อ “คนใต้” เลือกหลากหลาย
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

แม้ความนิยมระดับเขตในพื้นที่ภาคใต้ของพรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะไม่ได้เปลี่ยนไปอย่างมีนัยยะสำคัญ (สัดส่วน ส.ส.82 % ในปี 2566 ต่อ 88 % ในปี 2562) แต่การยื้อแย่งคะแนนกันเองในกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ผสมโรงกับการเข้ามาครองพื้นที่ จ.ภูเก็ต ได้ยกจังหวัดของพรรคก้าวไกล ถือเป็นสัญญาณความเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยปรากฎมานานแล้ว ในภูมิภาคการเมืองแห่งนี้

ในมุมกลับกัน หากมองเจาะลงไปถึงคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะเห็นภาพชัดเจนถึงความนิยม หรือความเชื่อมั่นยึดมั่นในพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ปรากฏรอยร้าวขึ้นแล้วจากการเลือกตั้งครั้งนี้

3 ปัจจัยเปลี่ยนผ่านทางการเมือง

รศ.ดร.เอกรินทร์ ต่วนศิริ นักรัฐศาสตร์จาก มอ.ปัตตานี วิเคราะห์ 3 ปัจจัยที่มีผลต่อความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในภาคใต้ ตั้งแต่การมีส่วนร่วมทางการเมืองของกลุ่มคนรุ่นใหม่

ผลการเลือกตั้งที่จังหวัดภูเก็ต สะท้อนภาพความเปลี่ยนแปลงได้ดีว่า คนในพื้นที่ต้องการความสดใหม่ในเชิงนโยบาย การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และนี่คือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่แพ้ใครในพื้นที่ภาคใต้

ปัจจัยสุดท้ายคือนโยบายพรรคก้าวไกลที่ตอบโจทย์ความต้องการ การกล่าวถึงปัญหาโครงสร้างรัฐ ทุจริตคอร์รัปชัน และทุนผูกขาด

ปิดฉากยุค “เสาไฟฟ้า” ในภาคใต้

กล่าวถึงตำนานเสาไฟฟ้าภาคใต้สักเล็กน้อย เพราะเป็นวาทะกรรมที่ปรากฏอยู่บ่อยๆในวงการเมือง

นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ นักการเมืองรุ่นใหญ่จากพัทลุง อดีตแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ปัจจุบันเป็นแกนนำพรรคพลังประชารัฐ คือเจ้าของวาทกรรม “ประชาธิปัตย์ส่งเสาไฟฟ้าลง คนก็เลือก”

ประโยคนี้ถูกพูดเป็นครั้งแรกหลายสิบปีก่อน ในการหาเสียงเลือกตั้ง หลังจากแฟนคลับพรรคประชาธิปัตย์คนหนึ่งบอกให้ นิพิฎฐ์ หยุดปราศรัย เพราะต่อให้ประชาธิปัตย์ส่งเสาไฟฟ้าลงสมัคร ก็จะเลือกอยู่ดี

ความหมายที่ปรากฎในช่วงหลังมักถูกใช้กับพรรคการเมืองที่ครองความนิยมอย่างสูงในระดับภูมิภาค เช่น ภาคใต้กับพรรคประชาธิปัตย์

ในการเลือกตั้ง 2566 เราได้เห็นเสียงโหวตที่แตกกันเองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล แม้สัดส่วนรวมกันจะไม่ต่างจากเดิมมากนัก แต่ถือว่าเสียงที่แตกกันเหล่านี้ สะท้อนชัดว่า ไม่ใช่พรรคการเมืองไหนถือธงนำในภาคใต้อีกแล้ว กลับกันเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมเสียอีก ที่ได้ที่นั่ง ส.ส.เขตเพิ่มขึ้น 4 ที่นั่งจากพรรคก้าวไกลที่เหมายก จ.ภูเก็ต และพรรคประชาชาติที่ได้เพิ่มจาก 4 ปีก่อน 1 ที่นั่ง

เป็นไปได้เช่นกันที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งบางกลุ่มบางขั้วอาจตัดสินใจเลือก ส.ส.เขตจากผลงานในพื้นที่ อาจมีบ้างที่ต้องอยู่ในระบอบอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นการตัดสินใจตามแต่ละสถานการณ์ของบุคคล

แต่ในการเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปรากฏว่าผลลัพธ์ต่างกัน พรรคก้าวไกลเอาชนะในระบบบัญชีรายชื่อถึง 25 เขตในภาคใต้ ขณะที่พรรคประชาชาติเอาชนะไป 13 เขต อีก 22 เขตเป็นชัยชนะของพรรครวมไทยสร้างชาติ

เจาะลึกในรายละเอียด 13 เขตบัญชีรายชื่อที่พรรคประชาชาติชนะ มีพรรคก้าวไกลทำคะแนนตามมาในอันดับ 2 เช่นเดียวกับ 22 เขตที่พรรครวมไทยสร้างชาติเอาชนะไปในบัญชีรายชื่อ ก็มีพรรคก้าวไกลตามมาในอันดับ 2 ทั้งสิ้น

พรรคการเมืองที่เคยถือธงนำอย่างประชาธิปัตย์ ไม่สามารถชนะใจคนใต้ ในการเลือกตั้งบัญชีรายชื่อได้เลยในปีนี้ นั่นทำให้โจทย์ใหญ่ตกเป็นของผู้บริหารพรรคชุดต่อไป จะทำงานการเมืองในรูปแบบไหนเพื่อคว้าใจคนใต้มาครอง

4 ปีนับจากนี้ คือช่วงเวลาตัดสินอนาคตของภูมิภาคการเมืองว่า พรรคการเมืองไหนดีพอจะถือธงนำได้

วิเคราะห์ : อุรชัย ศรแก้ว มุมการเมือง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง