วันนี้ (22 เม.ย.2566) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เดินทางมาที่สถานีกลางบางซื่อ เพื่อเดินสายไปหาเสียงที่ จ.นครราชสีมา
พล.อ.ประวิตร สวมใส่เสื้อโปโลสีขาวทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงิน และใส่กางเกงยีนส์ มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดี ได้ขึ้นนั่งโบกี้รถไฟชั้นธรรมดา ซึ่งเป็นขบวนรถไฟที่มีประชาชนทั่วไปร่วมโดยสารด้วย คือ ขบวนรถเร็ว 135 กรุงเทพฯ - อุบลราชธานี จุดหมายปลายทางที่นครราชสีมา
ตลอดเส้นทางจะแวะทำกิจกรรมพบปะประชาชนตามสถานีต่าง ๆ อาทิ ดอนเมือง อยุธยา สระบุรี ชุมทางแก่งคอย ปากช่อง และนครราชสีมา
ผู้สื่อข่าวถามพลเอกประวิตรว่าร้อนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ร้อน
จากนั้นในช่วงบ่าย พล.อ.ประวิตร และคณะ จะเข้ากราบสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวโคราช ก่อนที่ในช่วงเย็นจะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ตลาดเซฟวัน เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ 16 เขต ของ จ.นครราชสีมา
ทั้งนี้ระหว่างขบวนจอดที่สถานี ปทุมธานี มีบรรดาผู้สมัคร แล้วแฟนคลับ มาดักรอที่ชานชลา ของพรรคพลังประชารัฐ นำดอก กุหลาบมามอบเป็นกำลังใจให้แก่ พล.อ.ประวิตร
พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ได้นั่ง รถไฟมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนโรงเรียนนายร้อยหรือ 40-50 ปี มาแล้ว การเดินทางนั่งรถไฟไปอีสานครั้งนี้หวังจะใช้รถไฟในการพัฒนาพื้นที่ภาคอีสาน เปิดอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ รวมถึงโรงเรียน อาชีวะให้ได้มีงานทำ จะได้ไม่ออกนอกพื้นที่ และช่วยสร้างงานให้พื้นที่ภาคอีสาน
ส่วนตั้งเป้าพื้นที่ ส.ส.ภาคอีสาน ไว้เท่าใดนั้น พล.อ.ประวิตร ขอให้ไปสอบถามนายวิรัช ที่เป็นหัวหน้าทีม เพราะหัวหน้าพรรคไม่ได้ดูพื้นที่ พร้อมย้ำว่า จะทำโครงการอีสานประชารัฐให้ได้ก่อน ยังไม่ต้องทำโครงการอื่น เพราะโครงการนี้จะเชื่อมต่อภาคตะวันออกจะทำให้หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสานมีความเจริญ สร้างงานโดยเฉพาะ
พร้อมย้ำ อยากปักธงในพื้นที่ภาคอีสานให้ได้ แต่จะได้หรือเปล่าไม่รู้ ส่วนจะเป็นนายกหรือไม่ต้องไปเลือกในสภา
เมิน "เศรษฐา" ประกาศไม่จับมือ
สำหรับกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยประกาศไม่จับมือพรรคพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประวิตร ย้อนถามสื่อว่าใคร เมื่อสื่อย้ำว่าเป็นนายเศรษฐา พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ไม่เป็นไร ก็ว่ากันก่อนนะตนก็ไม่ได้ประกาศว่าจะจับมือ ตนบอกแล้วว่าข้ามความขัดแย้ง อยากให้ประชาชนทั้งประเทศเป็นหนึ่งเดียวทำงานร่วมกันได้ ส่วนความคิดทางการเมืองใครจะคิดอย่างไรก็ว่ากันไป ตนยังบังคับสื่อไม่ได้เลย และย้อนถามว่าบังคับได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้แล้วจะมาถามทำไม
สำหรับแนวทางก้าวข้ามความขัดแย้งจะเป็นอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า แนวทางนี้ไงแนวทางที่ให้ประชาชนรู้ว่า เป็นคนไทยต้องร่วมมือกัน ต้องอยู่ร่วม รับใช้แผ่นดินเกิด ต้องทำให้แผ่นดินเกิดมีความเจริญ
และยอมรับว่าบรรยากาศขนาดนี้เอื้อไปสู่บรรยากาศก้าวข้ามความขัดแย้ง ประเทศเพื่อนบ้านแตกเป็น 4-5 ฝ่าย ยังรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้ และนำความเจริญมาสู่ประเทศ แล้วเรายังไม่แตกแยกมาก ยังไม่ได้สู้รบกันมาก ไม่เห็นต้องทำอะไรเลยแต่ต้องทำให้คนมีความรู้สึกว่าเป็นคนไทยต้องตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน