หลังจากก่อนหน้านี้ หายไปจากสาระบบการเมืองระดับชาติ ตั้งแต่ปี 2544 เมื่อครั้งพรรคไทยรักไทยส่งผู้สมัคร ส.ส.เป็นครั้งแรก และครองพื้นที่มาตลอด
อีก 1 ที่นั่งเป็นของพรรคอนาคตใหม่ หรือพรรคก้าวไกลในปัจจุบัน ส่วนพรรคเพื่อไทยไม่ได้ ส.ส.เลยแม้แต่คนเดียว
เลือกตั้งปี 2566 สมุทรปราการ มีส.ส.เพิ่มเป็น 8 คน ขณะที่แชมป์เก่าพลังประชารัฐ ในยุคไร้เงาของนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ยังต้องเสียส.ส. 1 คน คือน.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ ให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ภายใต้การกำกับของเสธ.อ้น พล.อ.กนิษฐ์ ชาญปรีชญา ที่รับผิดชอบพื้นที่ภาคกลาง และ”เสี่ยเฮ้ง”นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีแรงงาน
ขณะที่พรรคเพื่อไทย ครั้งนี้ผสมผสานระหว่าง “คนเก๋า” ในสนาม อย่างนายประชา ประสพดี อดีตรมช.มหาดไทย กลับมาลงสู้ศึกหวังแย่งเก้าอี้ ส.ส.เขต 7 กับคนรุ่นใหม่ ซึ่งรวมทั้ง นายภิญโญ กิจเลิศไพโรจน์ ทายาทนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ เจ้าของห้างอิมพีเรียล
เขตเลือกตั้ง 1 นายอัครวัฒน์ อัศวเหม พรรคพลังประชารัฐ คนจากบ้านใหญ่ลงป้องกันแชมป์ เจอกับน.ส.แพรวพรรณ พุกพิบูลย์ คนรุ่นใหม่ที่เคยทำงานมวลชนในพื้นที่มาก่อนจากพรรคเพื่อไทย อีกคนที่มองข้ามไม่ได้ คือ น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ อดีตแอร์โฮสเตสสาว วัยเพียง 30 ปี
เขต 2 นายยงยุทธ สุวรรณบุตร ส.ส.ปี 2562 อดีตนายกเทศบาลตำบลแพรกษา เหนื่อยแน่ เมื่อนายภิญโญ กิจเลิศไพโรจน์ ทายาทจากตระกูลกิจเลิศไพโรจน์ ขอล้างตาจากครั้งที่แล้ว อีกคนที่น่าจับตาคือ น.ส.รัชนก สุขประเสริฐ ตัวแทนคนรุ่นใหม่จากพรรคก้าวไกล หมายเหตุว่า เขต 1 และเขต 2 ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พรรคพลังประชารัฐ ทิ้งห่างอันดับ 2 เพียงหมื่นกว่าคะแนน ซึ่งเทียบกับกระแสคนรุ่นใหม่ที่มาแรงในพื้นที่แล้ว ชวนเสียวไส้
เขต 4 แชมป์ครั้งแล้ว เป็นหนึ่งเดียวจากพรรคอนาคตใหม่หรือก้าวไกลปัจจุบัน คือนายวุฒินันท์ บุญชู ครั้งนี้คู่แข่งเดิม นายจาตุรนต์ นกขมิ้น ลูกชาย นายทรงชัย นกขมิ้น นายก อบต.ราชาเทวะ ที่โด่งดังจากเสาไฟฟ้ากินรี
ขยับไปลงเขต 5 เพราะมีการเปลี่ยนแปลงเขตเลือกตั้งใหม่ พรรคพลังประชารัฐ ส่งนายวรพร อัศวเหม จากตระกูลบ้านใหญ่ อดีตประธานสภาเทศบาลตำบลบางปู หวังปักธงพรรคในเขตนี้ให้ได้ คู่แข่งสำคัญอีกคน คือนางสัมฤทธิ์ เหมะ ภรรยาของนายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.และอดีตแกนนำมวลชนคนเสื้อแดง
เขต 7 ทายาทบ้านใหญ่อนาคตไกล นายต่อศักดิ์ อัศวเหม ครั้งนี้ได้ลงเขตสมใจ หลังจากครั้งที่แล้วต้องยอมถอยไปลงส.ส.บัญชีรายชื่อ อันเนื่องจากพรรคพลังประชารัฐ มีผู้สมัครส.ส.ถึง 2 ทีม คู่แข่งนายต่อศักดิ์ คือ น.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ อดีต ส.ส.ปี 2562 ที่เคยอยู่พรรคเดียวกัน แต่ย้ายตามนายสุชาติ ชมกลิ่น ไปพรรครวมไทยสร้างชาติ ครั้งนี้ไม่มีใครถอยให้ใครแน่ ๆ
คู่แข่งในเขตเลือกตั้งนี้ ยังมีอดีต รมช.มหาดไทย นายประชา ประสพดี ซึ่งครั้งนี้ พ้นโทษถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี กรณีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.มีมติถอดถอนออกจากตำแหน่ง รมช.มหาดไทย เมื่อปี 2559 อีกคนคือ นายบุญเลิศ แสงพันธุ์ ผู้สมัครคนรุ่นใหม่ จากพรรคก้าวไกล
แค่ 4 เขตเลือกตั้งนี้ ก็เป็นโจทย์ใหญ่ท้าทายบ้านเก่าอัศวเหม ในยามที่เพิ่งสูญเสียประมุขน้อย นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ไปหมาดๆ ยังไม่นับอีกอย่างน้อย 2 เขตเลือกตั้งที่จะเข้มทะลักจุดเดือดไม่แพ้กัน
นี่เฉพาะ ส.ส.เขต ยังไม่นับรวม ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ที่ทายาทจากบ้านใหญ่อีกคน น้องเพลง น.ส.ชนม์ทิดา อัศวเหม ที่ลงสมัครในบัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย จะยิ่งทำให้การกากบาทเลือกตั้งส.ส.ครั้งนี้ ที่สมุทรปราการ เพิ่มความยุ่งยากในการตัดสินใจของชาวปากน้ำ ยิ่งขึ้น
ขอบคุณภาพจาก AmazingThailand