ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

นักวิจัย มช.ค้นพบ “บุหงาลลิษา” พืชดอกหอมชนิดใหม่ของโลก

Logo Thai PBS
นักวิจัย มช.ค้นพบ “บุหงาลลิษา” พืชดอกหอมชนิดใหม่ของโลก
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
นักวิจัย ม.เชียงใหม่ ค้นพบพืชดอกหอมที่ จ.นราธิวาส ถือเป็นชนิดใหม่ของโลกที่หายาก-เสี่ยงสูญพันธุ์ ตั้งชื่อ “บุหงาลลิษา” จาก ลิซ่า Blackpink ศิลปินซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของนักศึกษา ป.เอก ที่ร่วมทีมวิจัย

วันนี้ (11 เม.ย.2566) นักวิจัยสังกัดภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำโดย ผศ. ดร.ธนวัฒน์ เชาวสกู น.ส.อานิสรา ดำทองดี นักศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวิชาความหลากหลายทางชีวภาพและชีววิทยาชาติพันธุ์ และนายอับดุลรอแม บากา นักวิจัยสังกัดกลุ่มวิจัยอิสระ PDiT : Plant Diversity in Thailand พร้อมผู้ร่วมวิจัยอีกหลายคน ร่วมกันศึกษาตัวอย่างพืชดอกหอมวงศ์กระดังงา (Annonaceae) ใน จ.นราธิวาส

ทั้งนี้ ได้บูรณาการข้อมูลสัณฐานวิทยา และวิวัฒนาการชาติพันธุ์เชิงโมเลกุลเข้าด้วยกัน พบว่า เป็นพืชชนิดใหม่ของโลก 1 ชนิด คือ บุหงาลลิษา มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Friesodielsia lalisae Damth., Baka & Chaowasku โดยตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่ ลลิษา มโนบาล หรือลิซ่า ศิลปินชื่อดังชาวไทย จากวง Blackpink ของเกาหลีใต้ ซึ่งความมุ่งมั่นของลิซ่าเป็นแรงบันดาลใจในการศึกษาระดับปริญญาเอกของ น.ส.อานิสรา

ผศ.ดร.ธนวัฒน์ กล่าวว่า “บุหงาลลิษา” มีลักษณะเด่น คือ เป็นไม้เลื้อยเนื้อแข็ง ดอกเป็นดอกเดี่ยว มีกลิ่นหอมแรง กลีบดอกหนา สีเหลือง กลีบชั้นนอกเรียวยาว กลีบชั้นในประกบกันไม่บานออก มีความยาวประมาณครึ่งหนึ่งของกลีบชั้นนอก

จากการสำรวจพบบุหงาลลิษาเพียง 2 ต้น ในป่าทุติยภูมิใกล้สวนยางและสวนผลไม้ใน อ.จะแนะ จ.นราธิวาส แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ถูกตัดไป 1 ต้น ทำให้สุ่มเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างยิ่ง จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องช่วยกันอนุรักษ์และขยายพันธุ์บุหงาลลิษา ก่อนที่จะเหลือเพียงชื่อ

บุหงาลลิษาสามารถพัฒนาเป็นไม้ดอกหอมเพื่อเลื้อยพันซุ้มได้ ควรศึกษาต่อยอดเพื่อหาสารสำคัญและฤทธิ์ทางชีวภาพ อาจนำไปสู่การค้นพบยาใหม่ ๆ ในอนาคต

งานวิจัยนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยอนุกรมวิธานและวิวัฒนาการชาติพันธุ์ของพรรณไม้วงศ์กระดังงาในประเทศไทยที่หายากและยังไม่เป็นที่รู้จัก เพื่อการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ Willdenowia ปีที่ 53 เมื่อปี 2566

อ่านข่าวอื่นๆ

กกต.ยันพิมพ์บัตรเลือกตั้ง 57 ล้านใบ-ยังไม่เคาะสีบัตร 2 ใบ

ตรึงเข้ม "เขาใหญ่" ไฟป่าลามประชิด-ห่วงปืนผูกดักสัตว์เพียบ

ตร.รวบหน.ขบวนการอุ้มบุญรายใหญ่ พบ จนท.เขตบางรักโยงกระทำผิด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง