วันนี้ (10 เม.ย.2566) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เข้าร้องต่อสภาทนายความให้สอบมรรยาท นายษิทรา เบี้ยบังเกิด (ทนายตั้ม) อ้างมีพฤติกรรมหลายอย่างที่เข้าข่ายผิดต่อมรรยาททนายความ อย่างกรณีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวพาดพิงนายชูวิทย์ ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันและไม่ได้เป็นคู่ความ กล่าวหาโจมตี และยังใช้สื่อออนไลน์เฟซบุ๊กพาดพิงตนเองและลูกชาย

นายชูวิทย์ กล่าวว่า ต้องการร้องเรียนต่อนายกสภาทนายความ ให้ตรวจสอบว่า นายษิทราฝ่าฝืนข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยเรื่องมรรยาททนายความ พ.ศ.2529 หมวด 4 ข้อ 18 หรือไม่ และขอให้ลบชื่อออกเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพ เพื่อเป็นตัวอย่างบนพื้นฐานจริยธรรมและศีลธรรมอันดี
ปัจจุบันมีทนายความหลายคนที่ให้ข้อมูลทางโซเชียลและไม่ครบถ้วน จึงต้องการปราบปรามกลุ่มทนายทางโซเชียล มองว่าเป็นอันตรายต่อประชาชนเป็นการโฆษณา เรียกราคารับประโยชน์ อาชีพทนายความ ควรพิสูจน์ผลงานว่าความไม่ใช่การพูดผ่านโซเชียลให้ประชาชนหลงเชื่อ
ด้านนายวัชระ สุคนธ์ กรรมการมรรยาททนายความ เป็นตัวแทนรับเรื่องตรวจสอบมรรยาททนาย เปิดเผยว่าจะนำหลักฐานไปตรวจสอบโดยจะตั้งเป็นรูปแบบคณะกรรมการ ซึ่งที่ผ่านทนายษิทราเคยถูกร้องเรียนการทำหน้าที่ของทนายมากกว่า 10 เรื่อง บางเรื่องอยู่ระหว่างตรวจสอบและบางเรื่องยกคำร้องไปแล้ว

สำหรับการพิจารณาเรื่องร้องเรียนมีกรอบระยะเวลา 2-3 ปี เมื่อรับคำร้องเรื่องจะถูกส่งไปยังคณะกรรมการสอบมรรยาทเมื่อตรวจสอบเรียบร้อยจะส่งต่อคณะกรรมการผู้บริหารสภาทนาความ และมีความเห็น โดยอัตราโทษมีตั้งแต่ภาคทัณฑ์หรือว่ากล่าวตักเตือนไม่เกิน 3 ปี ลบชื่อหรือพักใบอนุญาต 3-5 ปี และโทษสูงสุดสุด ลบชื่อออกจากทำเนียบทนายความหรือการพิกถอนใบอนุญาต