วันนี้ (7 เม.ย.2566) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วยตำรวจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงความคืบหน้ากรณีแฮกเกอร์ 9near อ้างว่ามีข้อมูลคนไทย 55 ล้านรายชื่อ ต่อมาได้มีการออกหมายจับเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว และจากการตรวจสอบพบว่า เป็นเจ้าหน้าที่ทหารบก ชั้นประทวน ยศ "จ่าสิบโท" แต่ไม่ได้อยู่ในสังกัดที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ส่วนมูลเหตุจูงใจของผู้ก่อเหตุยังไม่สามารถระบุได้ชัด ว่าจะนำข้อมูลเอาไปขายให้มิจฉาชีพ หรือทำเพื่อดิสเครดิตหน่วยงานหวังผลต่าง ๆ
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. กล่าวว่า หลังทราบตัวผู้ก่อเหตุได้ติดตามและพบว่าผู้ต้องหาปิดโทรศัพท์มือถือนี้ ซึ่งลักษณะการโพสต์ครั้งแรก เหมือนจะขายข้อมูล ต่อมาบอกว่าจะเปิดเผยสปอนเซอร์เป็นกลุ่มการเมืองที่หลอกลวง ซึ่งจะเห็นว่าเจตนาของผู้ต้องหาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงต้องรอการสอบสวน แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถควบคุมตัวได้ เนื่องจากผู้ต้องหายังหลบหนี เบื้องต้นได้ทำหนังสือไปยังหน่วยงานต้นสังกัดเพื่อสอบถามว่ายังรับราชการหรือไม่ หากยังรับราชการอยู่ ให้ส่งตัวมาให้ตำรวจเพื่อดำเนินคดี ยืนยันว่าสามารถดำเนินคดีได้แน่นอนหากอยู่ในประเทศไทย
พล.อ.ต.อมร ชมเชย เลขาธิการ กมช. กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า ข้อมูลที่หลุดออกไปมีจำนวนมากถึง 55 ล้านรายชื่อ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นข้อมูลมาจากที่ใด เนื่องจากเป็นข้อมูลที่หาได้จากหลายแหล่ง เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และเลขบัตรประชาชน ยืนยันว่ารัฐบาลมีมาตรการป้องกัน และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล
ทั้งนี้ กฎหมาย PDPA จะให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่ข้อมูลรั่วไหล หากมีการดาวน์โหลด หรือนำข้อมูลไปใช้ไม่ถูกต้อง หรือนำไปค้าประโยชน์ ก็จะมีความผิด ส่วนหน่วยงานที่ข้อมูลรั่วไหลและไม่แจ้งจะมีโทษทางปกครอง