วันนี้ (28 มี.ค.2566) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคก้าวไกลมีนายพิธา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนเดียวเท่านั้น ทางพรรคยังยึดหลักการว่าแคนดิเดต ส.ส. ต้องเป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ อันเป็นไปตามหลักการที่ผ่านการต่อสู้มาตั้งแต่พ.ค.2535 และถูกบรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญปี 2540
พยายามยึดหลักการว่าส.ส.ต้องยึดโยงกับพี่น้องประชาชน เสนอตัวเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 แคนดิเดตนายกฯ จึงมีชื่อพิธาคนเดียว สำหรับพรรคก้าวไกล เพื่อจะได้เอาเวลาลงพื้นที่พูดถึงนโยบายและจุดยืนการทำงานของพรรค
ส่วนผลของโพลต่างๆ ที่กระแสดีขึ้นทั้งในกรุงเทพมหานคร และสงขลา นายพิธา ระบุว่า เพื่อเลี้ยงกระแสไปยังพื้นที่อื่นๆ ให้ได้นั้น พรรคต้องยืนยันให้ประชาชนในพื้นที่มั่นใจมากขึ้นว่าปัญหาต่างๆ ที่นักการเมืองเก่าๆ ไม่เคยทำหรือไม่คิดที่จะทำ จะถูกแก้ไข หากเลือกก้าวไกลเข้าไปอยู่ในทำเนียบรัฐบาล เพื่อทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหาร
โดยทางพรรคพยายามสร้างความต่าง โดยชูว่าการทำงานของก้าวไกลนั้นซื่อตรงกับประชาชน กล้าคิด กล้าทำ เพื่อแก้ไขปัญหาคาราคาซังอย่าง PM 2.5 การคมนาคมที่ก่อสร้างไม่สิ้นสุด รวมถึงปัญหาการจัดการขยะ
ช่วย "เท่าภิพภ" ลุยขายความต่างนโยบายพรรค
ขณะที่ช่วงเย็นที่ผ่านมา หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังลงพื้นที่ช่วย เท่าภิพภ ลิ้มจิตรกร อดีต ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตธนบุรี (ยกเว้นแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจี และแขวงบางยี่เรือ) คลองสาน ราษฎร์บูรณะ (เฉพาะแขวงบางปะกอก) ที่้ตลาดกระต่ายมั่งคั่ง ท่าพระ
นายพิธา บอกว่า ถึงแม้การแบ่งเขตเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ครั้งล่าสุดทำให้เกิดความสับสน ส่งผลให้อดีต ส.ส. หรือว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ถูกจัดอยู่ในพื้นที่ใหม่ ซึ่งไม่เคยลงทำงานมาก่อน
แต่ทางพรรควางแผนล่วงหน้าเพื่อรับมือกับปัญหานี้มาก่อนแล้ว โดยส่งทีมงานลงพื้นที่พร้อม ๆ กัน แม้ว่ายังไม่แน่ใจว่าเป็นเขตที่จะลงสมัครหรือไม่ ทำให้ไม่หนักใจปัญหาการลงหาเสียงในพื้นที่ว่าที่ผู้สมัครฯ ไม่ได้ทำงานมาก่อน
นโยบายหลักที่ทางพรรคชูเพื่อหาเสียงประชาชนในเขตธนบุรี คือ ปัญหาของผู้อยู่อาศัยในคอนโดต่างๆ ละแวกนี้ ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก การก่อสร้างถนนที่ไม่สิ้นสุด รวมถึงการทำ EIA โครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่ ตามแนวคิด “พื้นที่ดี สภาเด่น” ซึ่งทางพรรคชูมาตลอด รวมถึงนโยบายสุราก้าวหน้าที่นายเท่าภิพภ อดีต ส.ส.และว่าที่ผู้สมัครฯ เป็นผู้ผลักดันหลัก