วันนี้ (20 มี.ค.2566) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงความคืบหน้ากรณีพบวัตถุกัมมันตรังสี "ซีเซียม-137" ที่หายไปโรงไฟฟ้าในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี โดยพบอยู่ที่โรงงานหลอมโลหะแห่งหนึ่งใน อ.กบินทร์บุรี
นายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เล่าย้อนว่าได้หาภายในโรงงาน 3-4 รอบ และขยายวงออกไปนอกโรงงานรัศมี 2 กม. ใช้การเดินเท้าจากเจ้าหน้าที่โรงงานและท้องถิ่น ต่อมาได้ค้นหาตามพื้นที่เป้าหมาย ร้านขายของเก่าและร้านคู่ค้าของโรงงาน ทั้งพนมสารคามและจังหวัดใกล้เคียง โดยส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ ได้แจ้งไปยังประชาชนช่วยกันสอดส่อง และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว นครราชสีมา นครนายก โดยได้มีการค้นหาตลอดทั้ง 7 วัน และรายงานสถานการณ์ทุกวัน ซึ่งเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ได้ไปดูโรงงานหลอมเหล็กขนาดใหญ่
ปรากฏว่าเมื่อวานนี้ (19 มี.ค.2566) ช่วงเช้า ตรวจพบสารซีเซียมในกระเป๋าบิ๊กแบ็กขนาดใหญ่ โรงงานในเขต อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจดูพบว่าเครื่องมือขึ้น 10 ไมโครซีเวิร์ต/ชั่วโมง จึงวิเคราะห์ว่าน่าจะใช่ จากนั้นช่วงเย็นมาตรวจวัดอีกที ขึ้นค่าเป็น 10 ไมโครซีเวิร์ต/ชั่วโมง ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าสารซีเซียม 137 ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในธรรมชาติ แต่เกิดจากมนุษย์ จึงได้ย้อนกลับไปดูว่ากระเป๋าบิ๊กแบ็กเป็นส่วนที่เหลือจากการผลิตเหล็ก เทเข้าไปในเตาหลอม ความร้อน 1,200 องศาฯ เมื่อผลิตจะมีฝุ่นละอองแดง อยู่ภายในระบบปิด เมื่อเป็นฝุ่นออกมาจะมีฟิลเตอร์ด้านบนกันไว้ และติดอยู่บริเวณนั้น เมื่อเย็นแล้วจะตกเป็นผลึกเล็ก ๆ โดยถูกเก็บไว้ที่นี่
เมื่อยืนยันชัดเจนแล้ว จึงปิดพื้นที่ทันทีและให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณรอบข้าง บริเวณแนวกระเป๋าบิ๊กแบ็ก พบว่าขึ้น แต่เมื่อออกมา 10 กว่าเมตร ไม่พบค่าของสารขึ้น
ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า ด้วยความเป็นห่วงประชาชน และพนักงานในโรงงาน 70 กว่าคน จึงได้ให้พนักงานหยุดงานไปก่อน และให้เจ้าหน้าที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ แพทย์ พยาบาล เช็กประวัติและดูอาการ โดยเตรียมตรวจเลือดในวันนี้ เบื้องต้นโรงงานอยู่ไกลจากชุมชนพอสมควร
ขณะที่ นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ เลขาธิการ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กล่าวว่า โรงงานหลอมโลหะหรือหล่อเหล็ก มีการใช้อุณหภูมิถึง 1,000 องศาเซลเซียล เพื่อให้เหล็กหลอมละลายเป็นของเหลว และทำเป็นระบบปิดทั้งหมด ฉะนั้นสารซีเซียม เมื่อเจออุณหภูมิเพียง 600 องศาเซลเซียล จึงระเหยไปกับเขม่า เมื่อเหล็กหลอมถูกรีดออกมาเป็นแท่งเป็นเส้นแล้ว จึงไม่พบในเนื้อเหล็กที่รีดออกมา แต่ในเตายังมีฝุ่นแดงจากการหลอมเหล็ก
ทั้งเชื่อว่าซีเซียมหายออกมาจากบริษัทโดยมนุษย์ไม่ใช่เกิดจากการหล่นหาย เนื่องจากบริษัทมีการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี
ส่วนฝุ่นแดงปนเปื้อนซีเซียม 24 ตัน ประมาณ 24 กระสอบ โดยมี 1 ถุง ถูกนำไปถมที่ดินหลังโรงหลอม ก็ให้เจ้าหน้าที่ไปขุดดินทั้งหมดแล้วนำดินที่ป่นเปื้อนมาใส่กระสอบเช่นเดิมแล้ว และปิดล้อมที่ดินดังกล่าวไว้ จากนี้ไปเป็นกระบวนการสอบสวนการสูญหาย จะพยายามสืบสวนว่า คนที่นำไปเอาอุปกรณ์ไปไว้ที่ไหน เอามาเข้าสู่โรงหลอมได้อย่างไร
ซีเซียม 137 ไม่ฟุ้งกระจายในสภาพแวดล้อม ยืนยันไม่กระทบ ปชช.
นายกิตติ์กวิน อรามรุญ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี เปิดเผยว่า จากลงพื้นที่ตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือในการตรวจสอบวัดแผ่รังสีบริเวณรอบๆ โรงงานดังกล่าวรัศมี 5 กิโลเมตร มีการเก็บตัวอย่างดิน น้ำ และอากาศ ไปตรวจสอบไม่พบการฟุ้งกระจาย หรือปนเปื้อนของสารซีเซียม 137 ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ยืนยันว่า วัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม 137 ในโรงงานดังกล่าวถูกควบคุมอยู่ในพื้นที่จำกัด และจากการตรวจพนักงานที่ทำงานในโรงงานไม่พบการเปรอะเปื้อนของสารซีเซียม 137 เช่นกัน
ปส.แจ้งความ-ตร.ไล่กล้องวงจรปิดหาเบาะแส
ขณะที่ พล.ต.ต.วินัย นุชชา ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปราจีนบุรี เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ได้รับแจ้งความเมื่อวันที่ 10 มี.ค.2566 เวลาประมาณ 12.00 น. ตำรวจได้จัดชุดสืบสวนออกไปยังบริษัทที่อาจอนุมานได้ว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ ซึ่งมาแจ้งว่า วัตถุชิ้นนี้หายไป บริษัทเป็นที่ปิด ตำรวจจะเข้าก็เข้าไม่ได้ ต้องประสานงาน แม้แต่ผู้ว่าฯ หรืออธิบดีไปก็ยังเข้าไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องภายในบริษัท
สำหรับคำถามว่า วัตถุชิ้นนี้ออกไปสู่ด้านนอกได้อย่างไร ขณะนี้ตำรวจไล่กล้องวงจรปิด และขอความร่วมมือบริษัทขอกล้องตรงจุดเกิดเหตุ เพื่อวิเคราะห์ แต่อาจเพราะกล้องติดมานานแล้ว บางตัวเก็บภาพได้ บางตัวเก็บไม่ได้ ในขั้นตอนนี้กำลังสืบสวนและพิสูจน์ทราบว่าออกไปได้อย่างไร ใครเอาออกไป
คนธรรมดาเอาออกไปไม่ได้ นอกจากเป็นพนักงานภายในเท่านั้น บางคนเรียกมาสอบปากคำหลายสิบปากแล้ว ยังยืนยันว่า ไม่เห็น ไม่รู้ ก็ต้องสืบต่อไป
ล่าสุด สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแล้ว หลังจากนี้จะสอบสวนทางคดีอาญาต่อไป เรื่องผู้ครอบครองวัตถุที่หายไปแล้วไม่แจ้งโดยพลัน ตามพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ.2562 มาตรา 100 โทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี
ส่วนการสืบสวนว่าของออกไปได้อย่างไร ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าใช่วัตถุชิ้นนี้หรือไม่ เพราะของชิ้นนี้อาจจะถูกซีล หรือถูกปิดแล้วค้างอยู่ในบริษัทก็ได้ แต่จากที่สืบทราบของชิ้นนี้ในประเทศไทย ต้องขึ้นทะเบียนกับทาง ปส.ทั้งหมด และมีชิ้นเดียวที่หายไป จึงอนุมานว่าอาจจะใช่ก็ได้ ทุกคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ต้องถูกสอบสวนหมด
เร่งตรวจร่างกาย 70 พนักงานกลุ่มเสี่ยงหาสารซีเซียม 137
นพ.สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุข จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า หลังจากได้รับจากว่าซีเซียม 137 ได้หายไป ก็ได้มีการขอข้อมูล 1 เดือนย้อนหลัง ไปยังโรงพยาบาลทุกแห่งใน จ.ปราจีนบุรี เพื่อทำการประเมินว่ามีผู้ป่วยเข้าข่ายหรือไม่ โดยหากผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากสารซีเซียม 137 จะดีอาการดังนี้
1.ระบบผิวหนังเป็นแผล
2.ระบบทางเดินอาหาร คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลว
3.ระบบเลือดไหลเวียนโลหิต และเข้าไขกระดูกอาจเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้
4.ระบบประสาท ชัก เกร็ง อาจเสียชีวิตได้
ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบผู้ป่วยที่เข้าข่ายแต่อย่างใด
ทั้งนี้เมื่อวานได้ลงพื้นที่ไปยังโรงงานต้นเรื่อง ซึ่งอยู่ห่างจากชุมชนพอสมควร และโรงงานเป็นสถานที่ปิด โดยโรงงานดังกล่าวได้มีพนักงาน 70 คน แบ่งเป็นคนต่างด้าว 60 คน และคนไทย 10 คน เบื้องต้นให้สันนิษฐานว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด และจะมีการตรวจสุขภาพพนักงานทั้งหมด และอาจจะมีการเฝ้าระวังเป็นระยะ ส่วนญาติต้องทำการประเมินอีกครั้งว่าจะปนเปื้อนไปจากเสื้อผ้าได้หรือไม่
ส่วนในภาพรวมจะทำการประเมินชุมชนรอบข้างว่ามีความเสี่ยงหรือข้อกังวลอะไรหรือไม่ และถ้าประชาชนกังวลเจ้าหน้าที่ก็จะลงพื้นที่ไปตรวจสุขภาพให้
นอกจากนี้ ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านสุขภาพ ที่ สสจ.ปราจีนบุรี เพื่อประเมินสถานการณ์ และทางกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งกำชับให้ดูแลด้านสุขภาพประชาชนในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี เต็มที่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
CHOW ยืนยันไม่พบ “ซีเซียม-137” ในโรงหลอมกบินทร์บุรี
อันตราย? "ซีเซียม-137" ถูกหลอมเป็นฝุ่นแดง คน-ระบบนิเวศเสี่ยง
ย้อนไทม์ไลน์ แจ้ง-ค้นหาวัตถุกัมมันตรังสี "ซีเซียม-137"
พบวัสดุกัมมันตรังสี "ซีเซียม 137" สั่งปิดโรงงาน-กันพื้นที่
ระดมค้นโรงไฟฟ้าหา "ซีเซียม-137" เพิ่มเงินชี้เบาะแสเป็น 1 แสนบาท
ปส.เตือน "ซีเซียม-137" สุดอันตราย อย่าผ่าท่อ ปูพรมร้านของเก่า