ยังแค้นไม่เลิก เมื่อนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้ากลุ่มบ้านใหญ่ชลบุรี โพสต์เฟซบุ๊กล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มี.ค. ครบรอบ 10 ปี ครกหินอ่างศิลาได้รับรางวัลโอทอป โดยระบุตอนหนึ่งว่า ครกอ่างศิลาทำรายได้ให้ท้องถิ่น เป็นของฝากมีประโยชน์ ใช้โขลกน้ำจิ้มซีฟู้ด ส้มตำแซบๆ เครื่องแกงปักษ์ใต้หรอยๆ น้ำพริกอ่องอร่อย ก็จากครกบ้านเรานี่เอง
แพทย์แผนไทย ยังใช้ครกอ่างศิลา ตำ “สมุนไพร” ใช้พืช ใช้ธรรมชาติ เป็นยาบำรุงร่างกายและหัวใจ รักษาโรคหลากหลายมาตั้งแต่โบราณ
…. ส่วน ‘สมุน’ หรือลูกน้องใครทำตัวไม่น่ารัก อกตัญญู ก็น่าจะมี ‘ครกอ่างศิลา’ ตำพริกตำเกลือไว้แก้เคล็ดที่บ้านได้เหมือนกันครับ
ด้าน ‘สาก’ อุปกรณ์ใช้คู่กับครก อดีตยังเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อมวลชนตั้งฉายารัฐมนตรี ปัจจุบันก็น่าจะมีประโยชน์ เพราะชวนนึกถึงสำนวนโบราณที่บอกว่า...เอา “สากกะเบือยันเรือรบ”
สองประโยคด้านบน อ่านข้ามบรรทัดแบบไม่ขีดเส้นใต้ไม่ได้เด็ดขาด คำว่า “สมุน” หรือ “ลูกน้องใคร” ทำตัวไม่น่ารัก “อกตัญญู ” และ “สาก” อุปกรณ์ใช้คู่ครก และอดีตสัญลักษณ์ที่สื่อมวลชนตั้งฉายารัฐมนตรีที่ถือสากเข้าสภา “นายเชาวริน ลัทธศักย์ศิริ” อีกประโยค คือ เอาสากกะเบือยันเรือรบ
การเลือกตั้งใน จ.ชลบุรี เมื่อปี 2562 หัวหน้ากลุ่มบ้านใหญ่ นายสนธยาเป็นพี่ใหญ่ในภาคตะวันออก แม้การเลือกตั้งครั้งนั้นจะเสียเก้าอี้ให้กับผู้สมัคร “ม้านอกสายตา” พรรคอนาคตใหม่ถึง 3 เก้าอี้ แต่ 7 เก้าอี้ยังเป็นของกลุ่มบ้านใหญ่ชลบุรีที่สวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐทั้งหมด
เป็นพรรคพลังประชารัฐ นำทีมโดย “พี่แป๊ะ” นายสนธยา โดยมี “เสี่ยเฮ้ง” นายสุชาติ ชมกลิ่น อยู่ข้างๆ หอบลูกทีมมาอยู่กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยนายสุชาติรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายอิทธิพล คุณปลื้ม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
น้ำแยกสายไผ่แยกกอ ในปี 2566 เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ แยกวงไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยมีกลุ่มบ้านใหม่ของนายสุชาติ ชมกลิ่น ตามไปด้วย ขณะที่บ้านใหญ่เมืองชลนำทีมโดย นายสนธยา ย้ายกลับพรรคเพื่อไทย ส่วนนายอิทธิพลที่ประกาศไปช่วย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ นายสนธยาบอกว่า “ครอบครัวเราจะไม่มีอยู่กันคนละพรรค ...มติครอบครัวเราคือจะให้ รมว.อิทธิพล ทำหน้าที่จนครบวาระ และจะไม่เป็นเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด”
ขณะที่นายสุชาติ ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวตอบโต้ใครบนโลกโซเชียล มีเพียงโพสต์ระบายว่า บ่อยครั้งถูกคนในโลกโซเชียล รุมถล่มคอมเมนต์ปรามาสและด่าทอเสียๆ หายๆ เพราะความคิดเห็นต่างทางการเมือง แต่โลกความจริงที่จับต้องได้ มีอ้อมกอดมากมายที่รอจะให้กำลังใจ ในทุกครั้งที่กลับมาเยือนสถานที่แห่งนี้
“ริมชายหาดบางแสน พ่อค้า แม่ค้า คือคนสำคัญ คือคนที่ได้รับสิทธิพิเศษทางจิตใจจากผม เพราะคือ "กำลังใจคนสำคัญ ทุกคำด่า ทุกคำปรามาส เป็นสิ่งที่ต้องน้อมรับไว้ ไม่มีสิทธิ์โกรธเกลียดใคร ชีวิตผมมาไกลเกินกว่าจะหันหลัง กลับไปต่อสู้กับความรู้สึกในใจคนอื่น”
คำว่า “ไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับไปต่อสู้ กับความรู้สึกในใจคนอื่น” นั้น จะหมายถึงนายสนธยา หัวหน้ากลุ่ม “บ้านใหญ่ชลบุรี” หรือไม่ นายสุชาติไม่ได้ขยายความ
เส้นทางเดินของนายสุชาติ นับได้ว่าน่าสนใจ ในวัย 25 ปีเข้าไปอยู่ใต้ชายคาบ้านของ “กำนันเป๊าะ” นายสมชาย คุณปลื้ม ย้อนกลับไปในขณะนั้น ในวันที่นายสนธยา รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เขายังไม่ได้เข้ามาบนเส้นทางการเมืองด้วยซ้ำ
แต่เมื่อเติบใหญ่ถึงทุกวันนี้ นายสุชาติมาไกลเกินกว่าจะกลับไปแล้ว เพราะเป็นหนึ่งในแม่ทัพคนสำคัญของพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมพลพรรคพันธมิตรจากพรรคพลังประชารัฐตามมาถึง 9 คน ทั้งจากภาคกลาง และกรุงเทพฯ ประกอบด้วย นายรณเทพ อนุวัฒน์ ส.ส. ชลบุรี พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส. จันทบุรี นายสมพงษ์ โสภณ ส.ส. ระยอง นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ส.ส. ฉะเชิงเทรา น.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ ส.ส. สมุทรปราการ นายสมบัติ อำนาคะ ส.ส. สระบุรี นายสาธิต อุ๋ยตระกูล ส.ส. เพชรบุรี นายประสิทธิ์ มะหะหมัด ส.ส. กทม. และ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส. กทม.
การวางบทบาทซุ้ม “บ้านใหม่” ภายใต้การนำของนายสุชาติเป็นแม่ทัพคุมโซนพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคกลาง ถูกมองว่าเป็นการขยับขึ้นมาเทียบรัศมีนายสนธยา “บ้านใหญ่ชลบุรี” จึงไม่แปลกที่จะพบข้อความว่า .... ‘สมุน’ หรือลูกน้องใครทำตัวไม่น่ารัก อกตัญญู ก็น่าจะมี ‘ครกอ่างศิลา’ ตำพริกตำเกลือไว้แก้เคล็ดที่บ้านได้เหมือนกันครับ
คำกล่าวนี้จึงสะท้อนความเป็นอื่นไม่ได้ และไม่ต้องแปลความว่าหมายถึงใคร
อ่านข่าวเพิ่ม :