การแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 32 เจ้าภาพกัมพูชาได้ปรับเปลี่ยนกฎในการแข่งขันฟุตบอลชายอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ตัดนักเตะโควตา นักเตะอายุเกิน 22 ปี ให้สามารถลงแข่งขันได้ 2 คน จากเดิม 3 คน
ล่าสุด เจ้าภาพกัมพูชา ได้ประกาศให้นักเตะอายุไม่เกิน 22 ปีลงเล่นเท่านั้น โดยไม่มีนักเตะโควตาอายุเกินแม้เเต่คนเดียว โดยนักเตะแกนหลักของไทยที่อยู่ในกลุ่มอายุไม่เกิน 22 ปี ภายใต้การคุมทีมของโค้ชหระ อิสสระ ศรีทะโร นำโดย ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา จากบุรีรัมย์ , ชนภัช บัวพันธ์ กองหลังจากบีจี ปทุม , ธีรศักดิ์ เผยพิมาย กองหน้าจากท่าเรือ
ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ กองหลังจากชลบุรี , ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว กองกลางจากชลบุรี, ชยพิพัฒน์ สุพรรณเภสัช กองกลาง จาก เอสซี ไปรเอ็นเซ และ โฟแบร์ อนันต์ ยอดสังวาลย์ แนวรุก จากลำพูน วอริเออร์
ทั้งนี้ สมฤกษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้สื่อข่าวฟุตบอลไทย เเละเพจฟุตบอล 108 มองว่า การปรับกฎในครั้งนี้จะส่งผลให้ทีมชาติไทยได้มุ่งเน้นการพัฒนานักเตะดาวรุ่งอย่างเต็มที่ แต่ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ทีมไทยได้แชมป์หรือไม่ขึ้นอยู่กับเวลาการเก็บตัว และชุดนักเตะที่ลงแข่งขัน
ขณะที่ นักเตะทีมกัมพูชา ภายใต้การคุมทีมของ เคซูเกะ ฮอนดะ ที่เข้าคุมทีมกัมพูชานานเกือบ 5 ปี ได้ใช้กลุ่มนักเตะที่คลุกคลีกันมาหลายปี
โดยเฉพาะมีนักเตะดาวรุ่งมากถึง 9 คน ที่ลงเเข่งอาเซียน คัพ ครั้งล่าสุด ร่วมกับนักเตะชุดใหญ่ ที่ได้ฝากผลงานโดดเด่น ได้แก่หมายเลข 9 เสียง จันเทียะ วัย 20 ปี, หมายเลข 7 ลิม พิโสธ วัย 21 ปี และหมายเลข 4 สัมบัท เทศ วัย 22 ปี
จากสไตล์การเล่นที่ดุดัน รวมทั้งการบีบพื้นที่และการแก้เพรสซิ่งของนักเตะ จนสร้างความชื่นชมให้กับแฟนบอลชาวไทยในเกมที่บุกมาแพ้ไทย 1-3 ที่สนามธรรมศาสตร์ รังสิต
ฮอนดะ ได้สร้างสถิติใหม่ให้กัมพูชา ในศึกชิงแชมป์อาเซียนครั้งนี้ แม้จะตกรอบแบ่งกลุ่ม ด้วยผลงาน ชนะ 2 แพ้ 2 นัด จาก 4 เกม มี 6 คะแนน โดยยิงคู่แข่งได้ถึง 10 ประตู ซึ่งถือเป็นผลงานดีสุดของกัมพูชา ตั้งแต่ร่วมชิงชัยในอาเซียน คัพ ในรอบ 26 ปี
การลงแข่งซีเกมส์ครั้งนี้ เป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้ายของฮอนดะ ก่อนประกาศอำลาทีม โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การนำทีมกัมพูชา คว้าแชมป์มาครองให้ได้
หลังจากเคยนำทีมตกรอบแรกในศึกชิงแชมป์อาเซียนชุด 23 ปีที่กัมพูชา เป็นเจ้าภาพเมื่อปีที่แล้ว และล่าสุดนำทีมตกรอบอาเซียนคัพ โดยแพ้ไทยในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม