"ย่านห้วยขวาง" เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีชาวจีนให้ความสนใจเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ เช่น โครงการคอนโดมิเนียม 29 ชั้น จำนวน 477 ห้อง ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง จะแล้วเสร็จในปี 2567 และกำลังจะขึ้นอีกโครงการข้างๆ กัน เป็นคอนโดมีเนียม 31 ชั้น จำนวน 450 ห้อง
หัวหน้าผู้ดูแลโครงการคอนโดฯ ดังกล่าว ระบุว่า โครงการนี้ขายไปแล้วกว่าร้อยละ 60 ในจำนวนนี้ร้อยละ 20 เป็นชาวจีนที่เข้ามาซื้อ เนื่องจากบริเวณนี้ได้รับความนิยม เพราะอยู่ใกล้สถานทูตจีน การเดินทางสะดวก คนซื้อส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนในเมืองไทย ซึ่งมีกำลังซื้อสูง
ขณะที่แม่ค้าที่อาศัยอยู่ย่านนี้ กล่าวว่า การกลับมาของชาวจีนทำให้ราคาที่อยู่อาศัยและค่าเช่าปรับตัวสูงขึ้น อาคารพาณิชย์ 2 ชั้น บริเวณถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ เดิม 5,000,000-6,000,000 บาท แต่ตอนนี้ราคาพุ่งไป 10,000,000-15,000,000 บาท
สอดคล้องกับข้อมูลของนายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ที่ระบุว่า เห็นสัญญาณชาวจีนเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยตั้งแต่ปลายปี 2565 ที่ผ่านมา และคาดช่วงครึ่งปีหลัง 2566 จะเพิ่มขึ้นอีก แต่รูปแบบจะเปลี่ยนไป จากซื้อเพื่อการลงทุนเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยระยะยาว เพราะมีบทเรียนจากการล็อกดาวน์ทำให้มองหาบ้านหลังที่ 2 นอกประเทศ ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในเป้าหมาย โดยเฉพาะย่านรัชดา ห้วยขวาง สุขุมวิท และจังหวัดในเขต EEC
พร้อมประเมินว่าปี 2566 ยอดโอนกรรมสิทธ์เฉพาะชาวจีนจะกลับมาเพิ่มขึ้น หรือมีมูลค่าราว 80,000 ล้านบาท จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดที่ 1,000,000 ล้านบาท โดยข้อดีด้านหนึ่งจะช่วยลดปัญหาคอนโดมิเนียมล้นตลาด แต่อีกมุมหนึ่งจะทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้นจนคนไทยเข้าถึงยาก จึงเสนอให้รัฐเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หรือ Extra Charge จากการขายอสังหาริมทรัพย์ให้กลุ่มต่างชาติ เพื่อจัดตั้งกองทุนฯ ใช้สำหรับดูแลประชาชน
สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ปี 2566 นายวิชัย ประเมินว่า ยอดโอนกรรมสิทธิ์จะชะลอตัวลงร้อยละ 10.2 จากปีก่อน ที่มียอดโอนสูง 1,000,000 ล้านบาท แต่ราคาจะสูงขึ้นร้อยละ 5-10
อ่านข่าวอื่นๆ
กูรูชี้ ศก.ไทยฟื้น รับนักท่องเที่ยวถึง 30 ล้านคน ดันจีดีพีปี 66 โต 3.8%