วันนี้ (19 ม.ค.2566) นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ได้เดินทางไปที่ศาลแพ่งพระโขนง เพื่อฟังคำพิพากษาในคดีที่อาม่าฮวย ศรีวิรัตน์ เป็นโจทก์ฟ้องธนาคารแห่งหนึ่ง และพนักงานของธนาคารกรณีถูกเปลี่ยนแปลงสิทธิ์การเบิกถอนเงินในบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่นอนป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล สูญเงินในบัญชีไปกว่า 350 ล้านบาท
นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ออกมาเปิดเผย หลังจากเข้ารับฟังคำพิพากษา ว่าศาลได้พิพากษาให้ธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง พร้อมด้วยรองผู้จัดการสาขา และพนักงานธนาคาร พร้อมด้วยนางมาวดี บุตรคนที่ 2 ของนางฮวยเอง ชดใช้เงิน พร้อมดอกเบี้ยรวมแล้ว 207 ล้านบาท
โดยแบ่งให้ธนาคารชำระเงิน 44,645,676.82 บาท พร้อมดอกเบี้ยจากเงินต้น 33,668,516 บาท ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยนับจากวันฟ้อง (19 พ.ย.2562) จนถึงวันที่ 10 เม.ย.2564 และอัตราร้อยละ 5 ต่อปี โดยนับจากวันฟ้องเช่นกัน พร้อมทั้งให้ชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี โดยนับจากวันที่ 11 เม.ย.2564 จนกว่าจะชำระเสร็จ
นอกจากนี้ยังให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 117,097,573.05 บาท พร้อมดอกเบี้ยจากเงินต้น 82,176,281.32 บาท ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยนับจากวันฟ้อง (19 พ.ย. 2562) จนถึงวันที่ 10 เม.ย.2564 และชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เม.ย.2564
อีกทั้งยังให้จำเลยที่ 4 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และให้จำเลยที่ 6 ร่วมกับจำเลยที่ 4 ชำระหนี้ข้างต้นจำนวน 34,881,691.72 บาท พร้อมดอกเบี้ยจากเงินต้น จำนวน 82,176,281.32 บาท ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยนับจากวันฟ้อง (19 พ.ย.2562) จนถึงวันที่ 10 เม.ย.2564 พร้อมทั้งให้ชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี โดยนับจากวันที่ 11 เม.ย.2564 จนกว่าจะชำระเสร็จ
สำหรับดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 11 เม.ย.2564 เป็นต้นไป หากมีพระราชกฤษฎีกาปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด ก็ให้ใช้อัตราดอกเบี้ยที่ปรับเปลี่ยนไปบวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลใช้บังคับ แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินร้อยละ 7.5 ต่อปีตามขอ สำหรับค่าธรรมเนียมศาลที่โจทก์ได้รับยกเว้นนั้น ให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 6 ร่วมกันนำมาชำระต่อศาลในนามของโจทก์ และให้ร่วมกันใช้ค่าทนายความ รวม 1 แสนบาท แก่โจทก์ ส่วนจำเลยที่ 3 และ 5 ยกฟ้อง
สำหรับคดีนี้ ศาลได้พิเคราะห์จากการกระทำของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 6 ได้กระทำการละเมิดสิทธิในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเบิกถอนเงิน โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเหตุการณ์นี้เริ่มต้นขึ้นหลังจากอาม่าฮวยล้มป่วย ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่า นางมาวดี ร่วมกับพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง จำนวน 2 คน เปลี่ยนแปลง ปลอมแปลง ลายมือชื่ออาม่าฮวย เพื่อมอบอำนาจให้นางมาวดี มีสิทธิ์เบิกถอนเงินฝากกระแสรายวัน และกองทุนบัญชีของบริษัทหลักทรัพย์จัดการเงินกองทุน อีกทั้งยังพบว่ามีการถอนเงินจากบัญชี และสั่งจ่ายเช็ค รวมถึงถอนเงินจากหน่วยลงทุน เข้าไปที่บัญชีของตัวเอง
นายอนันต์ชัย ยังฝากถึงธนาคารทุกแห่งให้ดูคดีนี้ไว้เป็นตัวอย่าง อย่าไปไว้ใจพนักงานของตัวเอง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้ซ้ำรอยขึ้นมาอีก