วันนี้ (3 ม.ค.2566) นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ออกแถลงการณ์ในนามมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เรื่อง คืนความชอบธรรมให้บุคลากรและการบริหารงานในกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ระบุว่า
เรียนนายกรัฐมนตรี, รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ
ตามที่ นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จับกุม ขณะเป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงในสังกัด เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565
เนื่องจากมีหลักฐานว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ใต้บังคับบัญชา และเรียกเอารายได้จากโครงการต่าง ๆ ในการดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติฯ โดยถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 149 นั้น
มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานด้านการปกป้อง ดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้และสัตว์ป่า พิจารณาแล้วเห็นว่า เหตุการณ์ดังกล่าว นับเป็นเรื่องร้ายแรงของหน่วยงานราชการที่ทำหน้าที่ปกป้อง ดูแลผืนป่า และสัตว์ป่า จากเงินภาษีของประชาชน เนื่องจากการเรียกรับผลประโยชน์ และเรียกเอารายได้จากโครงการต่าง ๆ แสดงให้เห็นถึงการทำงานที่ล้มเหลว และขาดประสิทธิภาพของการบริหารหน่วยงาน
ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้และสัตว์ป่า โดยเฉพาะความล้มเหลวในการสรรหา แต่งตั้งบุคลากรในองค์กรที่เหมาะสม เข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งถือว่ามีความสำคัญที่สุดในการดูแล ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ ผืนป่าและสัตว์ป่า หากไม่เร่งดำเนินการแก้ไข จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้านบุคลากรและการบริหารงานในองค์กรได้เลย มูลนิธิสืบนาคะเสถียรจึงขอเสนอแนวทางการคืนความชอบธรรมให้บุคลากรและการบริหารงานในกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ดังต่อไปนี้
1.ระยะเร่งด่วน (มกราคม-มีนาคม 2566) เร่งรัดการคืนความชอบธรรมให้กับบุคลากรของกรมอุทยานแห่งชาติ ที่ถูกโยกย้ายอย่างไม่เหมาะสม ไม่เป็นธรรม โดยคืนตำแหน่งที่ถูกโยกย้ายในช่วงที่ผ่านมา และตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาบุคลากรเข้ารับตำแหน่งตามระบบ
เพื่อให้การเข้าสู่ตำแหน่งหัวหน้าพื้นที่อนุรักษ์ทั้งอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เป็นไปตามความรู้ และประสบการณ์ โดยเฉพาะการนำระบบ Career Path ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้จัดทำเรียบร้อยแล้วมาพิจารณาใช้ และกระบวนการสรรหาบุคลากรเข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าพื้นที่ควรโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้จากภายนอก
2.ระยะที่ 2 (เมษายน-ตุลาคม 2566) แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาครัฐ เอกชน และองค์กรพัฒนาเอกชนที่เกี่ยวข้อง ปรับโครงสร้างการบริหารงานของหน่วยงานภายในกรมอุทยานแห่งชาติฯ เพื่อลดความซ้ำซ้อนการใช้งบประมาณ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดตามภารกิจความจำเป็นเร่งด่วน รวมถึงความเหมาะสมในการจัดสรรงบประมาณจากงบประมาณประจำปี เงินรายได้ของอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยให้ความสำคัญกับหน่วยงานภาคสนาม อุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และมุ่งเน้นให้ข้าราชการควรต้องไปทำงานอนุรักษ์อยู่ในพื้นที่
3.สุดท้าย การสรรหาบุคคลให้เข้ามาทำหน้าที่ผู้บริหารกรมอุทยานแห่งชาติฯ จะต้องพิจารณาจากความรู้ ความสามารถอย่างแท้จริง โดยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาคัดเลือกอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และให้สาธารณชนสามารถเข้าถึงข้อมูลกระบวนการสรรหาดังกล่าว จะทำให้การสรรหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างการยอมรับร่วมกันในองค์กร และสาธารณชนอย่างแท้จริง
มูลนิธิสืบนาคะเสถียรหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อเสนอเหล่านี้จะได้รับการพิจารณาจากนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช นำไปสู่การพิจารณาปฏิบัติอย่างจริงจังและจริงใจ เพื่อคืนขวัญกำลังใจ เกียรติยศ ศักดิ์ศรี และความชอบธรรมของข้าราชการที่ทำหน้าที่ดูแล ปกป้อง พิทักษ์รักษาผืนป่าและสัตว์ป่า ทั้งนี้ เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติได้คงความสมบูรณ์คืนสู่ประชาชนชนคนไทย และนานาชาติสืบต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ช่องโหว่ค่าธรรมเนียมอุทยานรั่วไหล ดัน "E-ticket" นำร่อง 6 แห่ง
ป.ป.ช.เดินหน้าจัด ระบบ E-ticket หวังปิดช่องโหว่ทุจริตกรมอุทยานฯ