กลุ่มผู้เรียกร้องที่ดินทำกิน ในชื่อชาวชุมชนบางสันพัฒนา ก่อสร้างเพิงพักชั่วคราวภายในสวนปาล์มน้ำมันหมดสัมปทาน ของบริษัทเอกชน พื้นที่ อ.พระยา จ.กระบี่ หลังเข้ายื่นหนังสือต่อศาลปกครอง ขอชุมนุมชั่วคราว บนพื้นที่ 18 ไร่ ที่ตั้งของชุมชน เป็นเวลา 365 วัน เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการปักหลักเรียกร้องที่ดินทำกิน เนื่องจากเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ นำเครื่องจักรกลเข้ารื้อถอนเพิงพัก รวมถึงสั่งห้ามชาวบ้านกลับเข้าไปในพื้นที่
ชาวชุมชนบางสันพัฒนา ยอมเปิดเผยกับทีมข่าวไทยพีบีเอสเป็นที่แรกว่า ได้เข้าปักหลักเรียกร้องที่ดินทำกินนานกว่า 8 ปี ที่ผ่านมาหาเลี้ยงชีพด้วยการตัดผลปาล์มน้ำมันไปขาย และถูกเจ้าหน้าที่รัฐบางคน เรียกเก็บผลประโยชน์ ซึ่งกระจายอยู่ในพื้นที่รวม 4 หมู่บ้าน เฉลี่ยเดือนละ 1.2 ล้านบาท โดยจะมีผู้ที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ มาเก็บทุกๆวันที่ 5 ของเดือน และยังอ้างอีกว่า เงินดังกล่าวจะถูกนำไปแบ่งให้กับเจ้าหน้าที่ 3 หน่วยงาน ในสูตร 4 3 3 คือ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ 40 % และอีก 60 % ถูกหน่วยงานความมั่นคง อีก 2 หน่วยงาน ยกเว้นทหาร
ส่วนสาเหตุของการเข้ารื้อถอนเพิงพักนั้น เนื่องจากชาวบ้านหยุดส่งรายได้ให้กับเจ้าหน้าที่มาเกือบ 1 ปีหลักถูกเรียกเก็บเงินเพิ่มในช่วงที่ราคาปาล์มสูงกิโลกรัมละ 10 บาท รวมถึงเห็นว่าหากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ จะทำให้การจัดสรรที่ดินให้กับคนจน ตามมติ ครม.ปี 2546 ไม่มีความคืบหน้า และชาวบ้านเองมีสภาพไม่ต่างกับคนงานรับจ้างตัดปาล์มให้เจ้าหน้าที่
นอกจากปัญหาที่ดินหมดสัมปทาน ซึ่งเอกชนเช่ากับกรมป่าไม้ แต่มีบางรายยังใช้ประโยชน์ในพื้นที่ต่อเนื่อง จังหวัดกระบี่ยังพบปัญหา บริษัทเอกชนมีการใช้คนงาน เป็นนอมินี ยื่นขอที่ดินสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ สปก. จำนวน 109 แปลง จนนำไปสู่การเพิกถอนที่ดินดังกล่าว กว่า 4,400 ไร่
ตัวแทนชาวชุมชนเจริญพัฒนา ที่เป็นผู้เปิดประเด็นให้มีการตรวจสอบ บอกว่า ในกลุ่มมีสมาชิกทำหมดกว่า 300 คน ล่าสุดคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่มีการจัดสรรที่ดินไปแล้วกว่า 10 ราย แต่หลักเกณฑ์ไม่สอดวิธีความเป็นจริงของชาวบ้านในพื้นที่ / อย่างก็ตามในอนาคต ชาวบ้านมีแนวคิดในการจัดตั้งศูนย์พืชผลทางการเกษตร ส่งป้อนร้านอาหารโรงแรม ในแถบจังหวัดชายฝั่งอันดามัน
ปัญหาผู้ไร้ที่ดินทำกินของจังหวัดกระบี่ ที่ยืดเยื้อมากว่า 20 ปี ผ่านมาหลายรัฐบาล จะไม่ได้รับการแก้ไขแล้ว พบว่าตลอดการเรียกร้องมีแกนนำและชาวบ้านถูกยิงเสียชีวิต 19 คน ทุกคดีไม่มีความคืบหน้า
ล่าสุด กรมป่าไม้ มีนโยบายปลูกป่าทดแทน บนพื้นที่หมดสัมปทาน เริ่มต้นจากแปลงของบริษัทยูนิวานิช น้ำมันปาล์ม ที่มีต้นปาล์มทั้งหมดกว่า 2 แสนต้น แต่คาดว่าต้องใช้เวลนาน เพราะ จะเริ่มต้นด้วยงบประมาณปี 2566 วงเงิน 36 ล้านบาท เปิดประมูลให้มีการแผ้วถางสวนปาล์ม ต้นละ 125 บาท ล้มปาล์มได้เพียง 28,800 ต้น ที่เหลือต้องรองบประมาณ