หลังการประชุมเอเปค ที่โดยรวมแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับเสียงชื่นชมว่า ประสบความสำเร็จ ทั้งเรื่องจัดงานที่ดูแกรนด์ ยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีประเทศไทย มีเสียงชื่นชมทั้งจากกองหนุนและผู้นำชาติต่าง ๆ ที่เข้าร่วมประชุม รวมทั้งสามารถสอดแทรกของดีของไทย ทั้งวัฒนธรรม ศิลปะแม่ไม้มวยไทย และซอฟท์ พาวเวอร์อย่างอาหารการกิน ขึ้นเวทีเอเปค
กระทั่งซูเปอร์โพลล์ เปิดผลสำรวจระบุ ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 82.5 พอใจมากถึงมากที่สุดต่อ พล.อ.ประยุทธ์ กับการจัดประชุมเอเปคในประเทศไทย มีผลต่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เชื่อว่าจะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจไปต่อบนเส้นทางการเมืองง่ายขึ้น
แม้จะมีเหตุการณ์ผู้ชุมนุมปะทะกับตำรวจชุดควบคุมฝูงชน หรือ อคฝ. ที่ ถ.ดินสอ มีการใช้กระสุนยาง แก๊สน้ำตา และใช้กำลังพลเข้าสกัดจนผู้ชุมนุมก็ตามที
ความฮึกเหิมจากเสียงชื่นชมดังกล่าว น่าจะเป็นปัจจัยสุดท้ายสำหรับการตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งหากดูจากความเห็นของกูรูการเมือง และนักวิชาการ ต่างเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะไปเป็นแคนดิเดทนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติมากกว่า เพราะจะเป็นผลดีกับทุกฝ่ายมากกว่า
พรรคพลังประชารัฐ สามารถเสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดท นายกฯ ได้เต็มภาคภูมิไม่ต้องอิดออด สมาชิกและแกนนำในพรรค น่าจะสมหวังหากหลังเลือกตั้งแล้วได้เข้าร่วมรัฐบาล
เพราะจะได้รับจัดสรรโควตารัฐมนตรีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ต้องเสียโควตากลางให้พล.อ.ประยุทธ์ ถึง 3-4 ตัวเหมือน ครม.ชุดที่ผ่านมา
เพียงแต่ต้องสุ่มเสี่ยงกับขนาดของพรรค จะลดลงจากเดิม เพราะเชื่อว่าจะมี ส.ส.บางส่วนย้ายตาม พล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่ ส.ส.กลุ่มใหญ่อย่างกลุ่มสามมิตร หรือ ส.ส.กลุ่มบ้านใหญ่ เช่น จ.ชลบุรี อาจต้องรอการวัดใจว่าจะไปหรือจะอยู่ต่อ
ลูกพรรค “บิ๊กป้อม” ยังสามารถจุดกระแสเชียร์ พล.อ.ประวิตร เป็นบุคคลที่อยู่เบื้องหลังดีลซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกของไทย เป็นจุดขายพ่วงเข้าไปด้วยอีกเรื่องหนึ่ง ทำให้คนไทยได้ดูถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกและมีความสุข
แม้ว่าอีกด้านหนึ่ง อาจจะถูกวิจารณ์เรื่องเงิน 600 ล้านบาท ซึ่งมาจากกองทุน กทปส. และไม่มีจุดประสงค์ของกองทุนข้อใด จะเปิดช่องทางให้นำเงินจากกองทุนนี้ไปซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก
ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็น่าจะการันตีได้ว่า แจ้งเกิดเป็นพรรคการเมืองครั้งหน้า และอย่างน้อยที่สุด เป็นพรรคขนาดกลางขึ้นไป เพราะชื่อเสียงและการเป็นแม่เหล็กของพล.อ.ประยุทธ์ น่าจะสามารถเป็นจุดขายได้ ยิ่งโพลอย่างน้อย 2 สำนัก ระบุชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับความนิยมมากในภาคใต้ และบางส่วนในกรุงเทพฯและภาคกลาง
ยุทธศาสตร์นี้ จะช่วยเสริมให้กับทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร และ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกฎหมายลูก ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 30 พ.ย.นี้ สูตรหาร 100 ตามร่างขณะนี้ ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ต้องกลับไปหารด้วย 500 จะยิ่งเป็นผลดีต่อทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ ตามแนวทาง “แตกแบงก์พัน” สู้ศึกเลือกตั้ง
ส่วนพรรคที่จะได้รับผลกระทบแน่ ๆ หากกลับไปใช้สูตรหาร 500 คือพรรคเพื่อไทย ซึ่งวางแนวทางสไลด์ทั้งแผ่นดินเอาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้
วิเคราะห์โดย : ประจักษ์ มะวงศ์สา