การยิงขีปนาวุธและใช้โดรนพลีชีพโจมตีระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานส่งผลกระทบต่อชาวยูเครนจำนวนมาก นับตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค.เป็นต้นมา การโจมตีทางอากาศของรัสเซียสร้างความเสียหายให้สถานีจ่ายไฟฟ้าถึง 30%
ขณะที่ยูเครนต้องจำกัดการจ่ายกระแสไฟตั้งแต่ 7.00 - 23.00 น.เพื่อซ่อมแซมสถานีจ่ายไฟที่ได้รับความเสียหาย
สำนักข่าว Reuters รายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศฮอว์กให้ยูเครนใช้ป้องกันตัว หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน รับปากประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีว่า สหรัฐฯ จะจัดส่งระบบล้ำสมัยให้ยูเครน
รายงานนี้ไม่ได้ระบุว่า สหรัฐฯ จะส่งระบบฮอว์กให้ยูเครนเท่าใด ขณะที่ทำเนียบขาวยังไม่แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ โดยเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบสภาพฐานยิงเสียก่อน เนื่องจากระบบฮอว์กถูกเก็บไว้ในคลังแสงสหรัฐฯ มานานหลายสิบปี
สำหรับระบบป้องกันภัยทางอากาศฮอว์กใช้เทคโนโลยีในสมัยสงครามเวียดนามและผ่านการปรับปรุงระบบมาแล้วหลายครั้ง การจัดส่งระบบฮอว์กให้ยูเครนใช้รับมือกับการโจมตีทางอากาศถือเป็นการยกระดับความช่วยเหลือทางการทหาร
หลังจากสหรัฐฯ ทยอยจัดส่งเครื่องยิงจรวดประทับบ่าสติงเกอร์มากกว่า 1,400 ชุด ให้ยูเครนใช้รับมือภัยคุกคาม ระบบป้องกันภัยทางอากาศฮอว์กมีพิสัยยิง 45-50 กิโลเมตรขณะที่เครื่องยิงจรวดสติงเกอร์มีพิสัยยิง 4.8 กิโลเมตร
ขณะที่สำนักข่าว RT สื่อทางการรัสเซีย ระบุว่า สหรัฐฯ อาจส่งขีปนาวุธรุ่นโบราณให้แก่ยูเครนเนื่องจากกองทัพสหรัฐฯ เลิกใช้ระบบฮอว์กและหันมาใช้ระบบแพทรีออท ตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 แต่สหรัฐฯ ยังไม่เห็นด้วยกับการส่งระบบแพทรีออทเพราะการใช้ระบบนี้ต้องส่งกำลังพลอเมริกันลงพื้นที่ในยูเครน
แหล่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า ทำเนียบขาวอาจใช้อำนาจพิเศษของประธานาธิบดีผ่าน PDA หรือ Presidential Drawdown Authority ในการจัดส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศฮอว์กให้แก่ยูเครน
ทั้งนี้ PDA จะช่วยเปิดทางให้สหรัฐฯ ส่งอาวุธและบริการทางทหารให้ประเทศอื่นโดยไม่ต้องผ่านการรับรองจากรัฐสภา ซึ่งเลขาธิการองค์การนาโต เปิดเผยว่า สเปนเตรียมส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศฮอว์กจำนวน 4 ชุด ให้แก่ยูเครนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่สงครามเปิดฉากขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ สหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือมากที่สุดถึง 17,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการจัดส่งความช่วยเหลือทางทหารในช่วงเวลานี้ ชี้ให้เห็นว่า สงครามอาจยกระดับความรุนแรงมากขึ้นก่อนถึงฤดูหนาว