สนามการเลือกตั้ง จ.นครพนม เป็นอีกหนึ่งสมรภูมิที่ดุเดือด ไม่น้อย เนื่องจาก เป็นพื้นที่ซึ่งไม่ใช่ฐานที่มั่นเดิมของพรรคเพื่อไทย จึงยากที่จะแลนด์สไลด์ได้ง่าย ๆ เพราะมีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภา เป็น ส.ส.เจ้าของพื้นที่ และครั้งนี้หวังชนะยกจังหวัดด้วย
นายยุทธนา อินตะสอน ผู้สื่อข่าวประจำศูนย์ข่าวภาคอีสาน ไทยพีบีเอส วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองในพื้นที่ จ.นครพนม ในรายการ "มุมการเมือง" โดยระบุว่า ในการเลือกตั้งปี 62 จ.นครพนม มีทั้งหมด 4 เขตเลือกตั้ง เขต 1 เป็นของนายศุภชัย โพธิสุ ขณะที่ เขตเลือกตั้งที่ 2 เขตเลือกตั้งที่ 3 และ เขตเลือกตั้งที่ 4 เป็นของพรรคเพื่อไทย แต่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทย ยังได้ผู้สมัครไม่ครบทั้ง 4 เขต
ขณะที่เขตเลือกตั้งที่ 3 ของนายไพจิต ศรีวรขาน ซึ่งพรรคเพื่อไทยคาดว่า คะแนนในระบบ ส.ส.เขต อาจไม่ดี และอาจจะมีการผลักดันไปสู่ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ แต่ว่านายไพจิต ยังต้องการลง ส.ส.เขต ซึ่งทางพรรคยังต้องการทำผลสำรวจอีกครั้งก่อนเพื่อหาผู้เหมาะสมในเขตเลือกตั้งที่ 3
ขณะที่เขตเลือกตั้งที่ 4 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ได้แจ้งเจตจำนงไปแล้วว่า ต้องการที่จะย้ายออกจากพรรคเพื่อไทยไปสังกัดพรรคไทยสร้างไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ทำให้พรรคเพื่อไทยเหลือ ส.ส.เพียง 1 คน ที่อาจจะลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งหน้า
กลับกันในกรณีพรรคภูมิใจไทย ได้เปิดตัว ผู้สมัครทั้ง 4 เขตเลือกตั้งและเริ่มหาเสียงไปแล้ว โดยเขตที่น่าจับตาคือ เขตเลือกตั้งที่ 2 โดย นายศุภชัย จะลงชิงชัยในเขตนี้เองเพื่อชนกับนางมนพร แม่ทัพของฝั่งพรรคเพื่อไทย ขณะที่เขตเลือกตั้งที่ 1 นายศุภชัย ให้ นางพูนสุข โพธิ์สุ ภรรยา ลงสมัครรับเลือกตั้ง
จากการสอบถามทั้งคู่ ก็ได้รับคำตอบว่า ในการเลือกตั้งทุกครั้ง หนักใจทุกครั้งแต่เชื่อว่า นโยบายและผลงาน จะสามารถชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้
จากการสอบถามนายศุภชัย บอกว่า พื้นที่ จ.นครพนม เดิมเคยมีฐานเสียงอยู่ก่อนแล้ว ขณะที่คุณมนพรเพิ่งเป็น ส.ส.และในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยต้องการ ส.ส.ทั้ง 4 ที่นั่ง เนื่องจาก จ.นครพนม เป็นจังหวัดที่พรรคภูมิใจไทย ตั้งเป้าที่จะชนะเลือกตั้งทั้งจังหวัด รวมถึงใน จ.บุรีรัมย์ จ.ศรีสะเกษ ด้วย
ขณะที่ การเคลื่อนไหวที่เห็นได้ชัดของพรรคภูมิใจไทย คือ มีการประชุมและติดป้ายหาเสียงในพื้นที่ จ.นครพนม ขณะที่อีกหลายพรรคยังไม่เห็น นอกจากนี้ ยังพบว่าบางพื้นที่ป้ายหาเสียงของพรรคภูมิใจไทยถูกทำลาย ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใด
ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ เดิมมีลุ้นในเขต 2 น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ซึ่งเป็นหลานสาวของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์ ซึ่งพ่ายให้กับ นางมนพร ไป 20,000 กว่าคะแนน ขณะที่เขตเลือกตั้งที่ 3 นพ.อลงกต มณีกาศ ก็แพ้ให้กับนายไพจิต ศรีวรขานไป 2,000 คะแนน เขตเลือกตั้งที่ 4 นายชูกัน ชูวงษา แพ้ให้กับ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ โดยผู้ที่แพ้ทั้ง 2 คน ของพรรคพลังประชารัฐ ย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย และมาลงในเขตเลือกตั้งที่ 3 และ 4