วันนี้ (13 ก.ย.2565) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศในประเทศไทยที่มีฝนตกหนักถึงหนักมากและในหลายพื้นที่มีน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน และพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
สำนักงาน คปภ. ได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์บูรณาการร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาคกำหนดมาตรการในการดูแลช่วยเหลือประชาชนด้านการประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมดำเนินการจัดตั้งศูนย์อำนวยการและประสานงานด้านประกันภัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากน้ำท่วม ณ สำนักงาน คปภ. ส่วนกลาง สำนักงาน คปภ. เขตท่าพระ สำนักงาน คปภ. เขตบางนา สำนักงาน คปภ. ภาค และสำนักงาน คปภ. จังหวัดทั่วประเทศ
ศูนย์ดังกล่าวมีหน้าที่อำนวยการและประสานงานด้านประกันภัยในการรับแจ้ง ตรวจสอบข้อมูลและเอกสารการจัดทำประกันภัย รวมทั้งติดตามการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ประชาชนผู้เอาประกันภัย และบูรณาการการทำงานร่วมกับส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสมาคมประกันวินาศภัยไทย สมาคมประกันชีวิตไทย เพื่ออำนวยความสะดวกและเพื่อช่วยเหลือประชาชนด้านประกันภัยอย่างเต็มที่
อีกทั้งยังได้กำหนดช่องทางในการอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือประชาชนผู้ประกันภัยในการแจ้งข้อมูลด้านการประกันภัย โดยเพิ่มช่องทางในการแจ้งข้อมูลการช่วยเหลือประชาชนด้านการประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม โดยสามารถแจ้งข้อมูลและขอรับการช่วยเหลือด้านการประกันภัย ผ่านช่องทางอีเมล : floodppd@oic.or.th มายังสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ จากนั้นสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์จะรวบรวมตรวจสอบ และประสานไปยังบริษัทประกันภัยเพื่อให้การดูแลด้านประกันภัยแก่ผู้เอาประกันภัยต่อไป
ประเมินค่าซ่อม น้ำท่วมรถยนต์เสียหาย
เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า สำนักงาน คปภ. ยังได้มีหนังสือถึงนายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย และนายกสมาคมประกันชีวิตไทย ให้แจ้งบริษัทสมาชิก ได้ติดตามสถานการณ์และกำหนดมาตรการเพื่อช่วยเหลือประชาชนด้านประกันภัย พร้อมทั้งเข้าตรวจสอบความเสียหายเพื่อเตรียมพร้อมในการพิจารณาชดใช้เงินหรือค่าสินไหมทดแทนให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้สำนักงาน คปภ.ภาค/จังหวัด เร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประสบภัยรีบสำรวจความเสียหายของบ้านเรือนและทรัพย์สิน โดยเฉพาะรถยนต์ที่มักจะได้รับความเสียหายเป็นอันดับต้น ๆ โดยให้ยึดถือแนวปฏิบัติตามมาตรฐานการซ่อมรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม แบ่งเป็น 5 ระดับ คือ
- ระดับ A น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์ ประเมินค่าซ่อม 8,000-10,000 บาท
- ระดับ B น้ำท่วมถึงเบาะนั่ง ประเมินค่าซ่อม 15,000-20,000 บาท
- ระดับ C น้ำท่วมถึงส่วนล่างของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อม 25,000-30,000 บาท
- ระดับ D น้ำท่วมถึงส่วนบนของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อมเริ่มต้นที่ 30,000 บาทขึ้นไป
- ระดับ E รถยนต์จมน้ำทั้งคัน ซึ่งในกรณีนี้บริษัทจะคืนทุนประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัย
ทั้งนี้ ขอให้ผู้เอาประกันภัยแสดงรายละเอียดของความสูญเสียและมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นของทรัพย์สิน ส่วนกรณีเสียชีวิตให้ทายาทแสดงหลักฐานสำเนาใบมรณบัตร และสำเนาบันทึกประจำวันตำรวจ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นขอให้ตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้ซื้อไว้ว่าให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วมหรือไม่อย่างไร โดยกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองถึงภัยน้ำท่วม อาทิ เช่น การประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 การประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สินและการประกันอัคคีภัยที่ซื้อความคุ้มครองน้ำท่วมเพิ่มเติม การประกันภัยพืชผลทางการเกษตร เช่น การประกันภัยข้าวนาปี การประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น
การประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย ซึ่งให้ความคุ้มครองกลุ่มภัยธรรมชาติอีก 4 ภัย น้ำท่วม ลมพายุ แผ่นดินไหวและลูกเห็บ รวม 20,000 บาทต่อปี และการประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) ให้ความคุ้มครองกลุ่มภัยธรรมชาติ 4 ภัย น้ำท่วม ลมพายุ แผ่นดินไหวและลูกเห็บ รวม 10,000 บาทต่อปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กทม.เตือน 12 เขตฝนตกช่วงเลิกงาน "ชัชชาติ" ประสานเครื่องสูบน้ำ ทส.
เตือน 11 จว.ลุ่มเจ้าพระยารับมือน้ำสูง 40-60 ซม.เขื่อนปรับระบายน้ำ
ท่วมเกือบทั้งเส้น ถ.ลาดกระบัง ปชช.ลงรถกลางน้ำ เดินลุยไปทำงาน