วันนี้ (9 ก.ย.2565) คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ประชุมพิจารณาปัญหาเงินเฟ้อและราคาพลังงานที่ยังอยู่ในระดับสูงทั่วโลก จึงมีมาตรการบรรเทาผลกระทบประชาชนในเชื้อเพลิงแต่ละชนิด เริ่มจากก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ที่พิจารณาแล้วว่าแนวโน้มต้นทุนราคาช่วงปลายปี 2565 อาจปรับตัวสูงขึ้นอยู่ในช่วง 29-34 บาทต่อกิโลกรัม
จากเดิมคงราคาขายปลีกเอ็นจีวีสำหรับรถยนต์ทั่วไป 15.59 บาทต่อกิโลกรัม กบง. จึงมีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นราคาขายปลีกเอ็นจีวีสำหรับรถยนต์ทั่วไป 1 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ราคาใหม่อยู่ที่ 16.59 บาทต่อกิโลกรัม มีผลวันที่ 16 ก.ย.2565 พร้อมมอบหมายให้กระทรวงพลังงานขอความร่วมมือ บริษัท ปตท. ให้คงมาตรการช่วยเหลือกลุ่มรถแท๊กซี่ให้ซื้อก๊าซราคาเดิม 13.62 บาทต่อกิโลกรัม นาน 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. - 15 ธ.ค. 2565
ตรึงราคาก๊าซหุงต้ม 1 เดือน
นอกจากนี้ยังเห็นชอบให้ตรึงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม (LPG) ในเดือน ต.ค. ที่ราคา 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม 1 เดือน (1-31 ต.ค.) และมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน จัดทำแนวทางการช่วยเหลือ มุ่งเป้า LPG ภาคครัวเรือน เพื่อลดผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน
ส่วนน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้น กบง.มีมติเห็นชอบการขยายมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 31 ธ.ค. 2565 โดยให้คงสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ 5% (บี5) ทำให้ต้นทุนราคาดีเซลจากการผสมบี 100 ลดลง และขอความร่วมผู้ค้าน้ำมันคงค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซลไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร โดยกระทรวงพลังงานจะติดตามสถานการณ์ปาล์มน้ำมันอย่างใกล้ชิด
