ทำไมผมต้องมาติดคุกในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ
ข้อความลักษณะเดียวกันนี้ ปรากฏอยู่ในจดหมาย 2 ฉบับที่นักโทษชายอายุ 40 ปีเขียนด้วยลายมือตัวเองจากเรือนจำจังหวัดตราด ส่งถึงครอบครัว และ บุคคลผู้ให้ความช่วยเหลือทาง กระบวนการยุติธรรม หลังถูกจำคุกมานานเกือบ 2 ปี
เนื้อหาในจดหมายส่วนหนึ่งแม้ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นในกระบวนการยุติธรรม แต่เจ้าตัวยังคงยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับคดีข่มขืนกระทำชำเรา และ อนาจารเด็กที่ตัวเองตกเป็นจำเลย
นอกจากนั้น ยังมีข้อความแสดงความห่วงใยสภาพความเป็นอยู่ของพ่ออายุกว่า 80 ปี และลูกสาว รวมถึง ร้องขอไปยังผู้ให้ความช่วยเหลือ ช่วยหาหลักฐานแหล่งที่อยู่ในช่วงเวลาที่เขาถูกกล่าวหาเพิ่มเติม เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง
2 คดีผู้ต้องหาเดียว ศาลสั่งจำคุกรวม 30 ปี
คดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ผู้เสียหายให้การกับตำรวจว่า เหตุเกิดวันที่ 6 ส.ค. 2562 จำเลยถูกจำคุกมานานเกือบ 2 ปี หลังจาก ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาคดี ยืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุก 20 ปี ในวันที่ 5 ส.ค. 2563
หลังจาก ศาลมีคำพิพากษา พ่อของจำเลย ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อกระทรวงยุติธรรมให้รื้อคดีนี้ขึ้นมาพิจารณาใหม่ เพราะเชื่อว่า ลูกชายถูกจัดฉากสร้างสถานการณ์
ในสำนวนการสอบสวนของตำรวจ ระบุว่า บ้านหลังหนึ่งที่อยู่ริมคลอง อ.เมือง จ.ตราด เป็นจุดเกิดเหตุคดีข่มขืนกระทำชำเรา และ อนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2562 แต่พ่อของจำเลย บอกว่า ช่วงเวลานั้นเกิดเหตุน้ำท่วมใช้ประโยชน์พื้นที่ไม่ได้ และ ในคืนเกิดเหตุ สมาชิกในบ้านย้ายจากบ้านที่เกิดเหตุไปนอนรวมกันที่บ้านอีกหลังในพื้นที่เดียวกัน นอกจากนั้น ยังมีเอกสารหลายฉบับออกจากหน่วยงานราชการในพื้นที่จังหวัดตราด รับรองว่า เกิดอุทกภัย บริเวณบ้านจุดที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาข่มขืนกระทำชำเรา เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2562
“ ที่นอน ” เป็นพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนใช้ประกอบสำนวนคดีข่มขืนกระทำชำเรา ในวันที่ 6 ส.ค. 2562 แต่พ่อของจำเลย ยืนยันว่า เป็นที่นอนหลังใหม่ที่ซื้อเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2562 หรือ หลังเกิดเหตุนานกว่า 1 เดือน โดยมีใบเสร็จรับเงินแสดงรายการซื้อที่นอนเป็นหลักฐาน
ส่วนที่นอนหลังเก่าอยู่ในสภาพใช้การไม่ได้จากเหตุการณ์น้ำท่วม ในคืนวันที่ 6 ส.ค. 2562 นายคมกฤษฏิ์ เอกกมลนนท์ ทนายความจำเลย บอกว่า พ่อของจำเลยเชื่อว่า ที่นอนที่ปรากฏในภาพถ่ายในสำนวน เป็นที่นอนคนละหลังกับวันที่เกิดเหตุน้ำท่วม นี่เป็นประเด็นหนึ่งที่พ่อของจำเลย จะใช้เป็นพยานหลักฐานใหม่เพื่อประกอบการยื่นร้องเรียนขอให้รื้อฟื้นคดี
วันนั้นที่ว่ามีน้ำท่วม เอาที่นอนไปตาก และไปซื้อที่นอนมาใหม่ แล้วพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีก็ไปถ่ายที่นอนหลังใหม่ที่ซื้อมาหลังจากน้ำท่วมมาเป็นพยานในชั้นศาล
พ่อของจำเลย มองว่า พยานหลักฐานประกอบสำนวนคดีข่มขืนกระทำชำเราของพนักงานสอบสวน มีพิรุธและมีการสรุปหลักฐานทางโซเชียลเป็นเท็จ ทำให้จำเลยถูกตัดสินโทษจำคุก 20 ปี จึงยื่นหนังสือร้องเรียนให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตราด ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ สภ.เมืองตราด 4 นาย ที่เกี่ยวข้องกับการทำสำนวนคดีข่มขืนกระทำชำเรา เมื่อเดือน มี.ค. 2565
พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธ์ม่วง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตราด ให้ข้อมูลหลังตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า พนักงานสอบสวน สภ.เมืองตราด สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำ รวม 7 ปาก มีความเห็นทางคดีตามพยานหลักฐาน ไม่พบเจตนากลั่นแกล้งผู้ใด แม้เด็กหญิงผู้เสียหายทั้ง 2 คน เข้าตรวจร่างกายและแจ้งความหลังเกิดเหตุนานกว่า 6 เดือน
ส่วนคำให้การของผู้เสียหายในชั้นศาล มีความเห็นว่ารับฟังได้ ขณะที่ คำให้การของผู้ต้องหาที่อ้างว่า ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุในเวลานั้น และ ปฏิเสธทุกข้อหา ศาลพิจารณาว่าข้อต่อสู้เรื่องเวลามีพิรุธจึงเชื่อว่า ผู้ต้องหากระทำความผิดตามฟ้อง
สำหรับการดำเนินการของผู้ร้องขอให้รื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่ เมื่อคดีตัดสินให้รับโทษไปแล้วเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ เมื่อพบว่าพยานในคดีอาจเบิกความเท็จ หรือ พยานหลักฐานเป็นเท็จ หรือมีพยานหลักฐานใหม่
นอกจากคดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กซึ่งพ่อของจำเลยกำลังเรียกร้องให้มีการรื้อฟื้นคดี ยังมีผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปีอีกคนหนึ่งแจ้งความให้ดำเนินคดีกับจำเลยให้ข้อหาอนาจาร เหตุเกิดที่บ้านหลังเดียวกันในวันที่ 27 ก.ค. 2562
พ่อของจำเลย บอกว่า ผู้เสียหายซึ่งเป็นเพื่อนกับหลานสาวให้ข้อมูลกับตำรวจว่า ถูกกระทำอนาจารในคืนที่มานอนค้างที่บ้าน ขณะเกิดเหตุมีหลานสาวของเขานอนอยู่ด้วย แต่หลานสาวของเขากลับไม่ได้ขึ้นให้การเป็นพยานจำเลยในชั้นศาล ล่าสุด วันที่ 14 มิถุนายน 2565 ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาให้จำคุกจำเลย 10 ปี
ส่วนกรณีพ่อของจำเลยยื่นหนังสือถึงกระทรวงยุติธรรมร้องขอให้รื้อฟื้นการพิจารณาคดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กนั้น ยังอยู่ระหว่างกระทรวงยุติธรรมตรวจสอบข้อมูล หลังเรียกเอกสารเพิ่มเติมจากผู้ร้อง เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2565