วันนี้ (14 มิ.ย.2565) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี เพื่อลงบันทึกประจำวัน หลังจากที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ หรือ ส.ส.เต้ ส่งโทรสารมาถึงศาลจังหวัดนนทบุรี ขอให้ยกเลิกการเป็นผู้รับมอบอำนาจคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม หลังจากที่ศาลประทับรับฟ้องคดีฆ่าผู้อื่นที่ได้เป็นผู้รับมอบอำนาจจากนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม ตามกฎหมาย และยื่นฟ้องด้วยตัวเองเมื่อช่วงบ่ายวันนี้
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า หลังจากที่ได้มีหนังสือรับมอบอำนาจจากแม่ของแตงโมให้เป็นผู้ดำเนินคดีแทนทั้งหมด ตั้งแต่การยื่นฟ้องคดี การขึ้นเบิกความในศาล วันนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและได้ฟ้องศาลให้ดำเนินคดีกับทั้ง 5 คนบนเรือ ฐานฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ซึ่งศาลได้ไต่สวนพยานหลักฐานที่นำเสนอทั้งหมดนานกว่า 3 ชั่วโมง และประทับรับฟ้องเป็นคดีแล้ว พร้อมกับนัดให้สืบพยานในคดีนัดแรกวันที่ 22 ส.ค.นี้
แต่หลังจากที่ศาลได้รับฟ้องคดีแล้ว นายมงคลกิตติ์ ได้ส่งเอกสารผ่านทางโทรสารมาที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ขอยกเลิกหนังสือรับมอบอำนาจของนายอัจฉริยะ และนายวินัย สุขสวัสดิ์ ทนายความ โดยมีเพียงตราประทับของพรรคไทยศรีวิไลย์ ไม่มีหลักฐานการขอเพิกถอนของนางภนิดา และส่งมาหลังเวลาราชการ ซึ่งเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะที่ผ่านมาก็ทำตามความต้องการของนางภนิดามาโดยตลอด และก่อนที่จะมายื่นฟ้องคดีก็ได้โทรศัพท์แจ้งนายมงคลกิตติ์ก่อนแล้ว จึงมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และหากจะยกเลิกเป็นผู้รับมอบอำนาจ ก็จะต้องแจ้งให้ทราบก่อนตามมารยาท
หลังจากนี้หากมีทนายความคนใดมาทำคดีนี้แทน ก็จะไปยื่นให้สอบมรรยาททนายความต่อ เพราะเห็นว่าเป็นการเข้ามาทำคดีต่อที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมยืนยันว่าการทำคดีของชมรมฯ ไม่ได้นำหลักฐานของนายมงคลกิตติ์ และบังแจ็ค เข้ามาร่วมในสำนวนคดี รวมทั้งผ้าขาวที่อ้างว่าเป็นของแตงโม ส่วนหลักฐานที่ยื่นฟ้องต่อศาลก็เป็นหลักฐานที่สืบหามาเอง โดยเฉพาะผลตรวจทางนิติเวช เรื่องบาดแผลเกิดจากของมีคมจนศาลเห็นว่าคดีมีมูลจึงรับฟ้องไว้
นายอัจฉริยะ ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมานายมงคลกิตติ์ ได้พยายามขอดูพยานหลักฐานที่มีอยู่ แต่ไม่สามารถให้ดูบางส่วน แต่เมื่อนายมงคลกิตติ์ เห็นพยานหลักฐานแล้วก็ไม่อยากให้ไปฟ้องคดีเอง เพราะกลัวจะเสียฟอร์ม และเชื่ออยู่แล้วว่าสักวันหนึ่งก็จะถูกหักหลัง แต่ที่ผ่านมาที่ได้ไปร่วมทำงานกับนายมงคลกิตติ์ เพราะต้องการให้คดีขับเคลื่อนไปได้ เนื่องจากเป็นคดีระดับประเทศ
ส่วนการออกมาเคลื่อนไหวของนายมงคลกิตติ์กับบังแจ็ค ก็เห็นว่าทำเป็นขบวนการ ทั้งที่ไม่มีหลักฐานอะไรอยู่ในโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากได้ไปเห็นข้อมูลจากที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมาแล้ว และนายมงคลกิตติ์ก็ไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวบังแจ็ค
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีที่นายมงคลกิตติ์ ไลฟ์สดพร้อมกับเเม่เเตงโม โดยระบุว่า การเพิกถอนหนังสือมอบอำนาจเป็นความประสงค์ของเเม่เเตงโม เนื่องจากต้องการฟ้องในเรื่องการทำร้ายร่างกายก่อนนั้น นายอัจฉริยะ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง อีกทั้งการฟ้องเรื่องมาตรา 290 เรื่องทำร้ายร่างกายก่อน เเล้วจะฟ้องมาตรา 288, 289 ฐานฆ่าผู้อื่นไม่สามารถทำได้ เพราะอัตราโทษต่างกัน
ส่วนกรณีที่เเม่เเตงโม ระบุว่า มีการทวงหนังสือมอบอำนาจมา 3 วันเเล้ว เเต่ไม่ยอมส่งให้ นายอัจฉริยะ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เเม่เเตงโมไม่เคยทวงถามเเม้เเต่ครั้งเดียว โดยวิธีการเเบบนี้เเม่ของเเตงโมเคยใช้กับทนายกฤษณะ เเละทนายเดชามาเเล้ว คือ วิธี "เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล" พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ฉกฉวยหนังสือมอบอำนาจไปฟ้อง เเต่หนังสือดังกล่าว แม่แตงโมให้โดยชอบด้วยกฎหมาย เเละด้วยความยินยอม
นายอัจฉริยะ ยังระบุว่า การมาลงบันทึกประจำวันวันนี้ ไม่ใช่ว่าทางกลุ่มที่ช่วยเหลือแม่แตงโมจะ “แพแตก” เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนหลังจากนี้แม่แตงโม จะดำเนินการอย่างไรต่อก็เป็นสิทธิ แต่ตัวเองได้ทำตามหน้าที่ที่ได้สัญญาไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม นายอัจฉริยะได้นัดแถลงข่าวเกี่ยวกับการฟ้องคดีนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง วันพรุ่งนี้ (15 มิ.ย. 65) ในเวลา 10.00 น.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง นิติวิทย์ฯ รับมอบ "ผ้าขาว" ตรวจคราบเลือดคดีแตงโม คาด 20 วันรู้ผล