วันนี้ (9 มิ.ย.2565) ศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยผลการศึกษาเบื้องต้นของการวิจัยต่อระดับภูมิคุ้มกันและโควิด-19 สายพันธุ์ต่าง ๆ หลังได้รับวัคซีนโควิด-19 ในเด็กและวัยรุ่นไทย
ทั้งนี้ การศึกษาวิจัยทางคลินิก ระยะที่ 2 พร้อมกันหลายสถานบัน แบบมีการสุ่ม เปิดเผย ในกลุ่มเด็กและวัยรุ่นไทย อายุ 5-11 ปี ทั้งหมด 650 คน (มีผลแสดงเบื้องต้นในครั้งนี้ 224 คน) โดยมีข้อสรุปและคำแนะนำ ดังนี้้
การฉีดวัคซีนห่างกัน 4 สัปดาห์ สูตรซิโนแวค-ไฟเซอร์ (SV-PF) มีแนวโน้มที่ให้ภูมิคุ้มกันสูงกว่าการฉีดไฟเซอร์-ไฟเซอร์ (PF-PF) โดยไฟเซอร์ปริมาณครึ่งโดสในเข็มที่ 2 จะให้ระดับภูมิคุ้มกันต่ำกว่าในทั้ง 2 สูตร แต่พบอาการข้างเคียงเฉพาะที่หรือตามระบบ ในระดับปานกลางหรือรุนแรงน้อยกว่าไฟเซอร์เต็มโดส ถึงแม้ระดับภูมิคุ้มกันที่ได้ในเด็กสูงกว่าระดับในผู้ใหญ่
อย่างไรก็ตาม ระดับภูมิคุ้มกันต่อโอไมครอนไม่สูง มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ในเด็ก ซึ่งน่าจะสามารถป้องกันเชื้อโอไมครอนได้ดี