ถึงจะมีพรรคการเมืองเกิดใหม่ เปลี่ยนชื่อใหม่ หรือเปลี่ยนแปลงผู้บริหารใหม่ ในรอบ 3 ปีนี้ (2562 เป็นต้นมา) มีมากกว่า 20 พรรคการเมือง แต่ที่เอาจริงเอาจัง หวังแจ้งเกิดทางการเมืองแน่นอน และมีโอกาสจะโลดแล่นบนเวทีการเมืองได้
หากไม่นับพรรคเศรษฐกิจไทย ที่มีส.ส.แล้ว 18 คน จากการถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ กลับยังมีน้อยมาก ที่เปิดตัวก่อนหน้านี้แล้ว
และพร้อมชิมลางทดสอบเสียงขานรับจากประชาชน ด้วยการส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.และสมาชิกสภากรุงเทพฯ หรือส.ก.ด้วย คือพรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
ที่หอบหิ้วขุนพลส่วนหนึ่งจากพรรคเพื่อไทย และยังหวังแจ้งเกิดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งคุณหญิงหน่อย รั้งนักการเมืองแห่งปี และนักการเมืองยอดนิยมมาหลายปีติดต่อกัน
ขณะที่พรรคใหม่ ซึ่งโหมประโคมข่าวมาตลอดว่า จะเป็นพรรคสำรองส่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี คือพรรครวมไทยสร้างชาติ กลับไม่สามารถสร้างเซอร์ไพรส์ หรือเปิดตัว บิ๊ก ต.เข้าร่วมกับพรรคอย่างที่คุยฟุ้งไว้ได้
อีกทั้งแกนนำสำคัญอย่าง “แรมโบ้อีสาน” นายเสกสกล อัตถาวงษ์ ก็เพิ่งเจอกับวิบากกรรมทางการเมือง กรณีคลิปเสียง 15 ล้าน ต้องประกาศลาออกจากทุกตำแหน่ง
ส่วนพรรคกล้า แม้จะมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง และมีชิมลางส่งผู้สมัครส.ส.แล้ว แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่า จะแจ้งเกิดบนเวทีการเมืองได้จริงหรือไม่
พรรคการเมืองล่าสุดที่เพิ่งจัดเปิดตัว และคัดเลือกผู้บริหารพรรคใหม่ๆ หมาดๆ คือพรรคสร้างอนาคตไทย ภายใต้การขับเคลื่อนของกลุ่ม 4 กุมาร แต่ตอนนี้เปิดตัวเป็นผู้บริหารพรรคแค่ 2 กุมาร คือ นายอุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นเลขาธิการพรรค
ทั้งคู่เคยเป็นหนึ่งในขุนพลทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มาพร้อมกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ “รัฐบาลบิ๊กตู่”
โดยถูกดึงมาแทนทีมเศรษฐกิจของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ซึ่งเป็น “เซนต์คาเบรียลคอนเนคชั่น” ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
และก่อนหน้านี้ 2 กุมาร ก็เป็นหนึ่งในชุดบุกเบิกสร้างพรรคพลังประชารัฐ ก่อนจะถูกกดดันให้ลาออกจากผู้บริหารพรรคพปชร. ในเวลาต่อมา โดยกลุ่มนักการเมืองอาชีพ
พรรคสร้างอนาคตไทย ยังมี “ขุนพลอีสาน” นายสุพล ฟองงาม อดีตรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และเป็นอดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. เป็นรองหัวหน้าพรรค เชื่อว่าจะได้ดูแลพื้นที่อีสานใต้เป็นอย่างน้อย ในการเลือกตั้งส.ส.ครั้งต่อไป
อีกคนเป็น “อดีตขุนพลภาคใต้ ปชป.” นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เชื่อว่า จะได้รับมอบหมายดูแลพื้นที่ภาคใต้
นอกจากนี้ ยังมีนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักฯ รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร และเป็นอดีตแกนนำกลุ่มกรุงเทพ ฯ 50 รวมทั้งนายวัชระ กรรณิการ์ อดีตโฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา และอดีตเลขานุการส่วนตัวนายสนธิรัตน์
จึงถูกจับตาว่า อาจเป็นอีกหนึ่งพรรค ที่มีโอกาสจะแจ้งเกิดบนเวทีการเมือง ในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ หากมี 2 ปัจจัยสำคัญช่วยเสริม
ปัจจัยแรก คือองค์ประกอบของพรรค ที่ต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน ระหว่างมีฐานเสียงส.ส.หรืออดีต ส.ส.สนับสนุนที่เด่นชัดจับต้องได้ หรือมียุทธปัจจัยแน่นหนาชนิดนักเลือกตั้งอาชีพต้องวิ่งเข้าหา
หรือมีตัวบุคคลที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดคะแนนนิยม ทั้งจากประชาชน และนักการเมืองได้แน่ๆ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับปัจจัยที่ 2 ของพรรค ที่แกนนำบางคน ให้สัมภาษณ์สื่อเสียงดังฟังชัดว่า จะมี “มือเศรษฐกิจ” ระดับปรมาจารย์อย่างนายสมคิด เข้ามาร่วมทัพและเป็นแคนดิเดทของพรรคสำหรับการส่งชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี
เพราะนี่เป็น “จุดขาย” สำคัญอย่างยิ่ง สำหรับพรรคสร้างอนาคตไทยและนายสมคิด ตั้งแต่นโยบายประชานิยมสมัยรัฐบาลนายทักษิณ กระทั่งถึงนโยบายประชารัฐ สมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์
คล้ายคลึงและปั่นกระแสจนประสบความสำเร็จ ทั้งตัวนโยบายและตัวบุคคล ที่เป็นผู้นำรัฐบาล แต่ตัวนายสมคิดก็ยังสงวนท่าที ยังไม่ประกาศชัดเจนว่า จะตอบรับการเข้าร่วมและเป็นจุดขายด้านเศรษฐกิจ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์โชกโชนให้กับพรรคนี้หรือไม่
แต่จากการประเมิน และอิงอยู่บนพื้นฐานที่ว่า หากไม่เข้าร่วม หรือไม่เดินหน้าต่อบนเวทีการเมือง บุคคลนั้นมักต้องโรงปฏิเสธไปแล้ว แต่เมื่อยังเงียบอยู่ ก็น่าจะมีโอกาสที่จะตอบรับเข้าร่วมงานการเมืองกับพรรคสร้างอนาคตไทย
ซึ่งแกนนำพรรคที่เปิดตัว ล้วนแล้วแต่เป็นลูกศิษย์และลูกน้องเก่าที่เคยช่วยงานมาแล้วแทบทั้งสิ้น
ตราบนั้นพรรคสร้างอนาคตไทยจึงยังมีความหวังต่อไป