วันนี้ (6 เม.ย.2565) สำนักข่าว Reuters รายงานว่า วารสารทางการแพทย์นิว อิงแลนด์ เจอร์นัล ออฟ เมดิซิน ตีพิมพ์ผลการศึกษาวัคซีนโควิด-19
โดยอาศัยข้อมูลของผู้รับวัคซีนอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 1.3 ล้านคน จากฐานข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล ระหว่างวันที่ 10 ม.ค.-2 มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเป็นสายพันธุ์หลัก
ผลการศึกษานี้พบว่า ผู้สูงอายุที่รับวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์และบีออนเทค เข็มที่ 4 หรือเป็นเข็มกระตุ้นครั้งที่ 2 จะมีภูมิคุ้มกันลดลงหลังฉีด 4 สัปดาห์ แต่จะยังสามารถป้องกันการป่วยหนักได้ในช่วง 6 สัปดาห์หลังฉีด ซึ่งนักวิจัยระบุว่า จำเป็นต้องมีการศึกษาและประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนในระยะยาวเพิ่มเติม
การเปิดเผยผลการศึกษาล่าสุดนี้ มีขึ้นก่อนหน้าสำนักงานอาหารและยาสหรัฐอเมริกาจะหารือเกี่ยวกับความจำเป็นในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่มให้กับประชาชน หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯ อนุมัติการฉีดวัคซีนเข็ม 4 ในชาวอเมริกันอายุ 50 ปีขึ้นไป ท่ามกลางการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ย่อยโอมิครอนในประเทศ
ขณะที่รัฐมนตรีสาธารณสุขของหลายประเทศในยุโรป เรียกร้องให้รัฐบาลแต่ละชาติสนับสนุนการฉีดวัคซีนเข็ม 4 ให้ผู้สูงอายุ ซึ่งล่าช้ากว่าในเอเชียบางประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ที่เริ่มฉีดเข็มกระตุ้นรอบ 2 ตั้งแต่เดือน ก.พ. ส่วนสิงคโปร์มีแผนเตรียมฉีดให้ผู้ที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไปด้วยเช่นกัน
อ่านข่าวอื่นๆ
"เซี่ยงไฮ้" ตรวจโควิดซ้ำ 26 ล้านคน-ขยายเวลาปิดเมือง
เสียชีวิตจากโควิดส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสูงอายุ ฉีดเข็มกระตุ้นได้เพียง 37.2%