วันนี้ (28 มี.ค.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ให้สัมภาษณ์กับสื่ออิสระจากรัสเซีย ระบุว่า ยูเครนพร้อมยอมรับสถานะเป็นกลางในการเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย แต่ย้ำว่าข้อตกลงใดๆ จะต้องมีประเทศที่ 3 เข้ามาช่วยรับรองความปลอดภัยให้ยูเครน และต้องผ่านการทำประชามติด้วย ซึ่งข้อตกลงสันติภาพจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากปราศจากการหยุดยิงและการถอนทหารออกจากพื้นที่
นอกจากนี้ เซเลนสกียังปฏิเสธว่าจะไม่พยายามยึดคืนพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งถูกรัสเซียใช้กำลังเข้ายึดครอง เนื่องจากจะนำมาซึ่งสงครามโลกครั้งที่ 3 พร้อมระบุว่าต้องการประนีประนอมเกี่ยวกับสถานะของภูมิภาคดอนบาส ที่ถูกกองกำลังซึ่งมีรัสเซียหนุนหลังเข้ายึดครองตั้งแต่ 8 ปีก่อน
ขณะที่ในวิดีโอแถลงต่อชาวยูเครนภายหลัง ผู้นำยูเครนระบุด้วยว่า จะยืนหยัดรักษาอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศ
ท่าทีดังกล่าว มีขึ้นหลังจากหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของยูเครน เปิดเผยว่า ผู้นำรัสเซียอาจต้องการแบ่งยูเครนออกเป็น 2 ส่วน แบบเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ หลังจากปฏิบัติการโดยรอบกรุงเคียฟล้มเหลว และไม่มีแนวโน้มที่รัสเซียจะโค่นล้มรัฐบาลยูเครนได้ จึงพุ่งเป้าโจมตีภาคใต้และตะวันออกของยูเครน คล้ายกับพยายามรวบรวมพื้นที่ที่ยึดครองสำเร็จแล้วเข้าไว้ด้วยกัน และกำหนดเส้นแบ่งระหว่างภูมิภาคที่ถูกยึดครองและที่ยังไม่ถูกยึดครองของยูเครน
ด้านหน่วยงานเฝ้าระวังสื่อของรัสเซีย ออกมาเตือนสื่อในรัสเซียห้ามเผยแพร่การสัมภาษณ์ของผู้นำยูเครน แต่ไม่ได้ระบุเหตุผลของการออกมาเตือนครั้งนี้ พร้อมเปิดเผยว่าได้เริ่มการสอบสวนสื่อต่างๆ ที่ทำการสัมภาษณ์แล้ว
ผู้นำสหรัฐฯ ชี้ไม่เคยเรียกร้องเปลี่ยนแปลงรัฐบาลรัสเซีย
ขณะที่ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ตอบปฏิเสธผู้สื่อข่าวที่ถามถึงสุนทรพจน์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในรัสเซีย โดยตอบสั้นๆ เพียงคำเดียวว่า "ไม่"
ท่าทีของไบเดน ทำให้หลายฝ่ายมองว่าเป็นการกลับคำที่เขาพูดขณะกล่าวสุนทรพจน์ระหว่างการเดินทางเยือนโปแลนด์ โดยก่อนหน้านี้ทำเนียบขาวออกมาชี้แจงเช่นกันว่า ไบเดนไม่ได้เรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงรัฐบาลรัสเซีย เพียงแค่ต้องการชี้ให้เห็นว่าไม่ควรปล่อยให้ผู้นำรัสเซียใช้อำนาจเหนือประเทศเพื่อนบ้าน
อ่านข่าวอื่นๆ
"รัสเซีย" ใช้อาวุธพิสัยไกลยิงถล่มคลังเชื้อเพลิง "ยูเครน"
"รัสเซีย" ยิงจรวดโจมตีคลังน้ำมันในเมืองลวีฟ
ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศตอบโต้หากรัสเซียใช้อาวุธเคมี