วันนี้ (7 มี.ค.2565) รถบัสจำนวนมากจอดรอประชาชนที่เมืองซาปอริซเซีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ตามแผนทางการยูเครนที่ต้องการอพยพประชาชนออกจากเมืองมาริอูโพล ซึ่งถูกกองทัพรัสเซียเข้าปิดล้อม ทำให้ประชาชนอยู่ในภาวะขาดแคลนอาหาร ยา และสิ่งของจำเป็น
แผนการอพยพ มีรถบัสจอดรอประชาชน 3 จุด ส่วนผู้ใดต้องการขับรถส่วนตัวก็ให้ขับตามขบวนไป และต้องรับผู้โดยสารมาให้เต็มคัน ส่วนรถนำขบวนจะเป็นรถกาชาด โดยเมื่อวานนี้ (6 มี.ค.) ทั้งสองฝ่ายตกลงหยุดยิงชั่วคราวระหว่างเวลา 12.00-21.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ตามข้อตกลงเปิดระเบียงมนุษยธรรม หรือเส้นทางสำหรับให้ประชาชนอพยพได้อย่างปลอดภัย หลังจากเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ข้อตกลงดังกล่าวไม่สำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะเกิดเสียงปืนและการยิงโจมตีระหว่างที่ประชาชนกำลังจะไปขึ้นรถโดยสาร จนต้องสั่งยกเลิกและให้กลับเข้าไปเก็บตัวในที่พักอีกรอบ
ประชาชนที่อยู่ในเมืองมาริอูโพล บอกว่า พวกเขาพร้อมจะอพยพออกนอกพื้นที่แล้ว แต่ปรากฏว่ายังคงมีการยิงต่อสู้เกิดขึ้น และมีเสียงดังคล้ายระเบิด ทำให้ประชาชนต้องกลับเข้าไปอยู่ในที่หลบภัย และระงับแผนการอพยพไว้อีกครั้ง
ขณะที่ทหารทั้งฝ่ายรัสเซียและยูเครนต่างกล่าวโทษ ว่า อีกฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ส่งผลให้ความพยายามอพยพประชาชนออกจากเมืองล้มเหลวเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน
10 วัน อพยพหนีภัยสงคราม 1.5 ล้านคน
เมืองมาริอูโพลมีประชากรประมาณ 450,000 คน ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ตั้งอยู่ระหว่างภูมิภาคดอนบาสที่รัสเซียรับรองให้เป็นรัฐเอกราช เมื่อปลายเดือนที่แล้วกับคาบสมุทรไครเมีย ที่รัสเซียผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเมื่อปี 2014
ด้านสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ระบุว่า การสู้รบ 10 วันแรกในยูเครน ทำให้ประชาชนมากกว่า 1,500,000 คนอพยพออกนอกประเทศ กลายเป็นวิกฤตผู้อพยพที่แผ่ขยายจำนวนรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และในอีกไม่กี่วันจะมีผู้ได้รับผลกระทบอีกหลายล้านคน หากยังไม่ยุติสงคราม โดยในโปแลนด์ประเทศเดียวมีรายงานชาวยูเครนลี้ภัยสงครามเข้าไปแล้วมากกว่า 1,000,000 คน