วันนี้ (9 ก.พ.2565) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการฉีดวัคซีนไฟเซอร์สูตรสำหรับเด็ก (Pediatric formulation dose) ที่มีกลุ่มเป้าหมายคือใช้ในเด็กอายุตั้งแต่ 5-11 ปี โดยมีแผนการจัดสรร ดังนี้
1. บริการฉีดในสถานพยาบาล สำหรับเด็กที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค คือ โรคอ้วน, โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมทั้งโรคหืดหอบ, โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง, โรคไตวายเรื้อรัง ,โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ, โรคเบาหวาน และกลุ่มโรคพันธุกรรม รวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์ เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทอย่างรุนแรง และเด็กที่มีพัฒนาการช้า รวมทั้งกลุ่มเด็กที่เรียนในระบบโฮมสคูล และกลุ่มที่อยู่นอกระบบการศึกษา
2. การให้บริการฉีดในโรงเรียน สำหรับนักเรียนปฐมวัย และชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 โดยเริ่มบริการฉีดในนักเรียนชั้น ป.6 ก่อนเป็นลำดับแรก และชั้นปีอื่นถัดลงไปตามลำดับ
สำหรับปริมาณการฉีดคือ 0.2 มิลลิลิตร หรือ 10 ไมโครกรัม วัคซีน 1 ขวดเมื่อเจือจางด้วยสารละลายโซเดียมคลอไรด์ 0.9% ก่อนใช้ สามารถฉีดได้ 10 โดส โดยเว้นระยะเวลาการฉีดห่างกันระหว่าง 3-12 สัปดาห์
นพ.โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนเข้ารับการฉีด หากเด็กมีอาการป่วย มีไข้ ร่างกายอ่อนเพลีย ควรรักษาอาการให้หายจนกว่าจะเป็นปกติ สำหรับเด็กที่มีโรคประจำตัวรุนแรง อาการยังไม่คงที่ อาจมีอันตรายถึงชีวิต ควรเข้ารับการประเมินอาการจากแพทย์ประจำตัวก่อนเข้ารับการฉีด
ส่วนอาการที่พบได้หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์ คือ ปวด บวม แดงเฉพาะที่ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เป็นไข้ จึงจำเป็นต้องสังเกตอาการหลังการฉีดอย่างน้อย 30 นาทีในสถานที่ฉีดวัคซีน และอาการดังกล่าวสามารถหายได้เองเมื่อรับประทานยาลดไข้และพักผ่อนให้เพียงพอ
หลังฉีดวัคซีน 1 สัปดาห์ ผู้ปกครองควรดูแลไม่ให้บุตรหลานออกกำลังกาย ปีนป่าย ว่ายน้ำ หรือกิจกรรมที่ใช้แรงมาก เป็นระยะเวลา 7 วัน เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนหากเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และหากเกิดอาการรุนแรงหลังรับวัคซีน ได้แก่ เจ็บหน้าอก หายใจเร็ว เหนื่อยง่าย ใจสั่น ไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส ปวดหัวรุนแรง อาเจียน ทานอาหารไม่ได้หรือซึมไม่รู้สึกตัว ควรพบแพทย์ทันที หรือโทร 1669 เพื่อรับบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน
ทั้งนี้ ในแต่ละพื้นที่ได้เตรียมความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์และกุมารแพทย์ในการตรวจวินิจฉัย รักษาและการติดตามผลข้างเคียงหลังการฉีดวัคซีน จึงขอให้ผู้ปกครองมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย ตามนโยบายการฉีดวัคซีนให้เด็กถ้วนหน้าให้ดีที่สุด
สำหรับวัคซีนไฟเซอร์สูตรสำหรับเด็ก (Pediatric formulation dose) บรรจุในขวดแก้ว “ฝาขวดและฉลากสีส้ม” ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2 ในทวีปเอเชียถัดจากสิงคโปร์ที่ได้รับการส่งมอบวัคซีนสูตรสำหรับเด็กนี้ โดยล็อตแรกถึงไทยวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา และได้ทยอยจัดส่งอย่างต่อเนื่อง สัปดาห์ละประมาณ 300,000 โดส
อ่านข่าวอื่นๆ
เริ่ม 8 ก.พ. ศูนย์บางซื่อฯ เปิดจองฉีด "ไฟเซอร์" เด็กอายุ 9-11 ปี
รพ.จุฬาฯ เปิดลงทะเบียนฉีดไฟเซอร์เด็ก 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง 5-12 ปี