วันนี้ (18 ม.ค.2565) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สถาบันการแพทย์ในอิสราเอล เปิดเผยผลการศึกษาการฉีดวัคซีนโควิด-19 กระตุ้นเข็มที่ 2 หรือเป็นวัคซีนเข็มที่ 4 เบื้องต้นว่า สามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารภูมิต้านทานหรือแอนติบอดีได้ดี และเพิ่มระดับแอนติบอดีในร่างกาย ได้มากกว่าการฉีดเข็ม 3 แต่ว่ายังไม่เพียงพอจะป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน
การศึกษาครั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญทำการทดสอบในเจ้าหน้าที่ของสถาบัน โดย 154 คน ได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เป็นวัคซีนเข็มที่ 4 ขณะที่อีก 120 คน ได้ฉีดวัคซีนโมเดอร์นาเป็นเข็มที่ 4 ซึ่งทั้งสองกลุ่มได้รับวัคซีน 3 เข็มแรกเป็นวัคซีนไฟเซอร์ทั้งหมด และนำข้อมูลไปเปรียบเทียบกับกลุ่มทดสอบที่ยังไม่ได้ฉีดเข็ม 4
ผลการศึกษาพบว่า จำนวนแอนติบอดีในร่างกายคนที่ฉีดเข็ม 4 แล้ว มีมากกว่าคนที่ฉีดวัคซีน 3 เข็มเล็กน้อย ทำให้ผู้เชี่ยวชาญสรุปเบื้องต้นว่า ระดับแอนติบอดีในร่างกายที่จะเพียงพอต่อการป้องกันการติดเชื้อโอมิครอน น่าจะสูงเกินกว่าที่วัคซีนจะให้ได้
ดังนั้นผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว จึงยังติดเชื้ออยู่ แต่อาจจะมีอัตราการติดเชื้อที่ต่ำกว่า นั่นหมายความว่า การฉีดวัคซีนเข็ม 4 ให้ประชากรกลุ่มเสี่ยง น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่หากจะต้องฉีดเข็ม 4 ให้ประชากรทั้งหมด อาจจะได้ประโยชน์เล็กน้อย ซึ่งอาจไม่มากพอที่จะสนับสนุนให้ฉีดเข็ม 4 ให้แก่ทุกคน