วันนี้ (28 ธ.ค.2564) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Dear na nakhon ออกมาเปิดเผยไทม์ไลน์ โดยระบุว่า ตรวจพบ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. หลังร่วมรับประทานอาหารกับเพื่อนที่กลับจากฝรั่งเศส ผ่านระบบ Test & Go ในวันที่ 17 ธ.ค. ก่อนที่จะเริ่มมีไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อย แต่ผลตรวจ ATK ยังเป็นลบ
เช้าวันที่ 21 ธ.ค. ไปตรวจ RT-PCR ที่โรงพยาบาล ผลตรวจยืนยันติด COVID-19 ก่อนจะทราบว่าเป็นสายพันธุ์โอมิครอน โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กคนดังกล่าว ระบุด้วยว่า คลัสเตอร์นีั้มีเพื่อนเและเพื่อนของเพื่อนติดเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์เดียวกันประมาณ 10 คน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ ยังไม่ได้รับการยืนยัน หรือนำข้อมูลออกมาเปิดเผยอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานด้านสาธารณสุข
"กระบี่" เข้มตรวจ RT-PCR 2 ครั้ง
ขณะที่สนามบินกระบี่ เจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองหาเชื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ แบบ RT-PCR 2 ครั้ง จากเดิมเพียงครั้งเดียว และให้นักท่องเที่ยวตรวจเองแบบ ATK โดยตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. มีนักท่องเที่ยวกว่า 1,900 คน เข้ากระบี่ ตรวจพบ COVID-19 แล้ว 11 คน เป็นสายพันธุ์โอมิครอน 3 คน และยังไม่มีแพร่เชื้อเพิ่ม
"กาฬสินธุ์" เร่งตรวจกลุ่มเสี่ยงโอมิครอน
ส่วนที่ จ.กาฬสินธุ์ ประชาชนที่มีไทม์ไลน์ เกี่ยวข้องกับคลัสเตอร์ร้านอาหารกึ่งผับในตลาดโรงสี ห้าง หน่วยงานราชการ และ ธนาคารบางแห่ง รวมถึงงานแสดงดนตรีในช่วงที่ผ่านมา เข้าตรวจหาเชื้อ COVID-19 ภายในโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ โดยมีกลุ่มเสี่ยงวันละ 1,500 คน และ อำเภอรอบนอกอีกวันละ 500 คน เข้าตรวจ ผลตรวจติดเชื้ออีก 15 คน รวมผู้ติดเชื้อ 173 คน ในจำนวนนี้ยืนยันติดสายพันธุ์โอมิครอน 66 คน
ส่วนที่ จ.อุบลราชธานี ชายชาวออสเตรเลียวัย 49 ปี ซึ่งติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โคมิครอน และ เดินทางมาหาภรรยาชาวไทยที่ จ.อำนาจเจริญ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลจังหวัดอุบลราชธานี และมีกลุ่มเสี่ยงสูง10 คน ถูกกักตัวดูอาการ
หวั่น "โอมิครอน" กระทบประกันภัย
ทั้งนี้ ข้อมูลจากสมาคมประกันวินาศภัยไทย พบยอดประกันภัย COVID-19 ณ สิ้นเดือน พ.ย. ความเสียหายอยู่ที่ 37,000 ล้านบาท คาดสิ้นปีทะลุ 4 หมื่นล้านบาท อาจทำให้บริษัทประกัน ขาดทุนปีนี้ถึง 23,300-24,000 ล้านบาท และหากโอมิครอนระบาดหนัก ค่าสินไหมอาจสูงถึง 110,000-180,000 ล้านบาท ขณะที่หลายบริษัทกำลังขาดสภาพคล่อง แต่เลขาธิการ คปภ. ยืนยันว่ายังไม่พบความเสี่ยงในเชิงระบบ