วันนี้ (27 ธ.ค.2564) นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 85/2564
โดยมี น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ.เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถานวันนี้ยังคงดีขึ้น มีเรือนจำสีขาว 133 แห่ง และเรือนจำสีแดง 9 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างควบคุมการระบาด 4 แห่ง และเรือนจำอยู่ในแผนสิ้นสุดการระบาดของโรคอีก 5 แห่ง
ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ พบเพิ่ม 18 คน แบ่งออกเป็นพบในห้องแยกกักโรค 10 คน และในเรือนจำสีแดง 8 คน โดยไม่มีรายงานการเสียชีวิตติดต่อกันเป็นเวลา 15 วัน ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 874 คน ได้แก่ กลุ่มสีเขียว 79.1% กลุ่มสีเหลือง 20.5% และกลุ่มสีแดง 0.4% มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 83,765 คน หรือ 96.3% ของผู้ติดเชื้อสะสม 86,960 คน เสียชีวิตสะสม 185 คน คิดเป็น 0.21% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด
ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนของกรมราชทัณฑ์ ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำและทัณฑสถานได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือครบโดสแล้ว จำนวน 265,757 คน หรือคิดเป็น 94.6% ของจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 280,916 คน
นายวัลลภ กล่าวว่า ในที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุม สรุปว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำถือว่าดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับแผนการบริหารจัดการเป็น 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.การป้องกันเชื้อจากภายนอกและภายใน ทั้งการบริหารจัดการห้องกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ให้ได้มาตรฐาน การระวังเชื้อจากเจ้าหน้าที่และสิ่งของที่อาจแพร่เข้าเรือนจำอย่างเคร่งครัด ตลอดจนการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิแก่ผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ให้ครบจนสามารถเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ นอกจากนี้ ยังต้องเร่งลดความแออัดในเรือนจำทัณฑสถานทั่วประเทศ
2. การรักษาผู้ต้องขังที่ติดเชื้อตามมาตรฐานและแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข และ 3.การปล่อยตัวผู้พ้นโทษจากเรือนจำ ต้องดำเนินการภายใต้มาตรการมิให้นำเชื้อออกภายนอกตามที่กรมราชทัณฑ์กำหนด ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายเฝ้าระวังและยกระดับมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดขึ้นภายในเรือนจำและทัณฑสถานได้อีก
ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พบว่ามีผู้ติดเชื้อและอยู่ระหว่างการรักษาตัว 14 คน เป็นเจ้าหน้าที่ 2 คน และเยาวชน 12 คน ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 52 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 4 แห่ง พบมีการติดเชื้อ 3 แห่ง และหมดสถานะ 1 แห่ง ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นรวมจำนวน 3,176 คน หรือคิดเป็น 81.58% จากทั้งหมด 3,893 คน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
สธ.แจ้งเตือนภัยด้านสาธารณสุข ระดับ 3 รับมือโอมิครอน
ประเมิน "โอมิครอน" กระทบจีดีพี เสี่ยงโตต่ำกว่า 3.0-3.8%
29 ธ.ค.นี้ "คนกลางคืน" 36,704 คนรับเงินเยียวยา 5,000 บาท
ใครบ้าง? ถูกตั้งชื่อ "เสือโคร่ง" ในผืนป่าตะวันตก
“Token X - iAM” จับมือดัน BNK48 ใช้บล็อกเชนเชื่อมแฟนคลับ