วันนี้ (27 ธ.ค.2564) นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า หลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก พร้อมความกังวลว่าจะแพร่ได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดลต้าที่มีความรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา ยิ่งกดดันบรรยากาศการท่องเที่ยว การใช้จ่าย และการลงทุน รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลก สำนักวิจัยฯ จึงเตรียมตั้งคำถามว่า การระบาดของโอมิครอนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเพียงไร
สำนักวิจัยฯ ยังไม่ได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยจากที่เคยให้ไว้ที่ 3.8% เมื่อปลายเดือน พ.ย. แต่มองว่าการระบาดของสายพันธุ์ใหม่นี้นับเป็นความเสี่ยงสำคัญของเศรษฐกิจไทย ส่วนจะกระทบมากน้อยเพียงใด และกระทบภาคส่วนใดทางเศรษฐกิจได้ประเมินการเติบโตของ GDP ไทยออกเป็น 3 แนวทาง
1. โอมิครอนไม่ระคาย GDP ไทยโตได้ 3.8% ตามคาด - หากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันไม่เร่งขึ้น ยอดผู้ติดเชื้อยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ขณะที่หน่วยงานด้านสาธารณสุขยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ จนไม่ต้องมีมาตรการจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพียงแต่การบริโภคสินค้าและบริการอาจชะลอในระยะสั้น โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหาร โรงแรม ขนส่งคน อาหาร และเครื่องดื่ม แต่น่าจะฟื้นตัวได้ภายใน 1 - 2 เดือน คล้ายการระบาดรอบ 2 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ อาจเห็นการเปลี่ยนความคิด จากไม่สามารถป้องกันการระบาดได้ เป็นการต้องอยู่ร่วมกับโควิด-19 จึงไม่มีการปิดเมือง หรือจำกัดการเดินทางและการใช้จ่ายใดๆ และต้องติดตามว่าสายพันธุ์โอมิครอนอาจไม่ได้ส่งผลรุนแรงต่อสุขภาพเท่าสายพันธุ์เดลต้า เพียงแต่ต้องเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
2.ไม่ล็อกดาวน์แต่กระทบภาคบริการไตรมาสแรก GDP ไทยทั้งปีโตเฉียด 3% - แม้ไม่มีการออกมาตรการจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเข้มงวด แต่การที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จะกระทบความเชื่อมั่นผู้บริโภค และจะยิ่งส่งผลให้การบริโภคชะลอตัวลง
อย่างไรก็ดี สถานการณ์น่าจะคล้ายช่วงเดือน เม.ย. - มิ.ย.ที่การใช้จ่ายแผ่วลง แต่เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวจากไตรมาสก่อนได้ ด้วยแรงขับเคลื่อนจากภาคการผลิตและการส่งออก กลุ่มที่ได้รับผลกระทบนอกเหนือจากภาคบริการและการท่องเที่ยวเดินทางแล้ว
กลุ่มการบริโภคที่ต้องอาศัยความเชื่อมั่นผู้บริโภคและแนวโน้มเสถียรภาพการจ้างงานเช่น รถยนต์ เสื้อผ้า และเฟอร์นิเจอร์ก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย
3.โอมิครอนลามภาคการผลิต ห่วงโซ่อุปทานชะงักงัน GDP ไทยเสี่ยงต่ำ 3% - หากปัญหาการระบาดลากยาวและรุนแรง จนส่งผลให้คนงานล้มป่วยหรือต้องมีมาตรการจำกัดจำนวนคนงานในโรงงานอุตสาหกรรม เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานจนกำลังการผลิตลดลง กระทบภาคการลงทุน
อีกทั้งปัญหานี้กระจายไปยังประเทศต่างๆ จนโรงงานผลิตวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนสำคัญต้องหยุดชะงัก มีผลให้ห่วงโซ่อุปทานในการผลิตสำคัญๆ ต้องพลอยชะงักงันไปด้วย เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอาหารแปรรูป เช่น ไก่แปรรูป และอาหารทะเลแช่แข็ง ซึ่งจะกระทบการส่งออกของไทยอีกทอดหนึ่ง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
"คลัสเตอร์กาฬสินธุ์" ยืนยันผลโอมิครอน 125 คน รอผลตรวจอีก 97
29 ธ.ค.นี้ "คนกลางคืน" 36,704 คนรับเงินเยียวยา 5,000 บาท
ใครบ้าง? ถูกตั้งชื่อ "เสือโคร่ง" ในผืนป่าตะวันตก
"สมยศ" มอบเช็ค 10 ล้าน ให้ "นักเตะ - ทีมงาน" หลังผ่านเข้าชิงชนะเลิศ "อาเซียนคัพ"
“Token X - iAM” จับมือดัน BNK48 ใช้บล็อกเชนเชื่อมแฟนคลับ