วันนี้ (23 ธ.ค.2564) กระทรวงสาธารณสุข จัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ศาลาพระธรรมโกศาจารย์ วัดพุทธปัญญา จ.นนทบุรี เริ่มพิธีสงฆ์ด้วยการทำบุญพระสงฆ์ 20 รูป ในเวลา 07.00 น. โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุขเข้าร่วม
สำหรับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นับตั้งแต่ระลอกแรก ในปี 2562 จนถึงปัจจุบัน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 21,501 คน นับเป็นจำนวนของผู้เสียชีวิตที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์กว่า 200 ปี จากเหตุการณ์ระบาดของอหิวาตกโรคใน 2363 ที่คาดว่ามีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 30,000 คน
ขณะเดียวกัน สถานการณ์โควิด-19 ที่พบการแพร่ระบาดของผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนกว่า 100 คน ในรอบ 2 สัปดาห์ และมีแนวโน้มที่พบการติดเชื้อภายในประเทศจากผู้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ทำให้รัฐบาลต้องเร่งสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางการป้องกัน
โดยในวันพรุ่งนี้ (24 ธ.ค.) จะมีการจัดกิจกรรมฉีดวัคซีนครบ 100 ล้านโดสที่กระทรวงสาธารณสุข และยังเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกันด้วย
ทำบุญแสดงความอาลัยกับผู้เสียชีวิต
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตลอด 2 ปีของการแพร่ระบาดโควิด-19 มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก การจัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลถือเป็นการแสดงความอาลัยกับผู้เสียชีวิต ซึ่งในจำนวนนี้มีบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข เป็นแพทย์และเจ้าหน้าที่ 22 คน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมูบ้าน (อสม.) 38 คน ไม่นับรวมบุคลากรที่เจ็บป่วยกว่า 6,000 - 7,000 คน
ส่วนการจัดกิจกรรมฉีดวัคซีนครบ 100 ล้านโดส ถือเป็นความสำเร็จหนึ่งในการสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และถือเป็นการเริ่มต้นการทำงานที่ดีในปีหน้า และในวันจันทร์ที่ 27 ธ.ค.นี้ กระทรวงสาธารณสุขจะมีการแถลงสรุปภาพรวมของสถานการณ์โอมิครอนในประเทศไทยอีกครั้ง
เปิดฉากทัศน์ระบาดรอบใหม่ 27 ธ.ค.
ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ในช่วง 2 สัปดาห์ พบผู้ติดเชื้อมากกว่า 100 คน ยังอยู่ในภาวะที่รับมือได้ โดยขณะนี้ในระบบสาธารณสุขมีเตียงกว่า 200,000 เตียง และใช้ไปเพียง 30,000 เตียงเท่านั้น พร้อมทั้งยังได้สั่งให้ยกระดับการป้องกันและการรักษาทั้งหมด อย่างยาเวชภัณฑ์ และเครื่องมือต่างๆ
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคมีการประเมินสถานการณ์ฉากทัศน์ของการระบาดรอบใหม่ ซึ่งจะมีการแถลงความชัดเจนอีกครั้งในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ ส่วนการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน จากการคาดการณ์จะไม่รุนแรงเท่ากับการแพรระบาดของสสายพันธุ์เดลต้า แม้ว่าสจะสามารถแพร่เชื้อได้รวดเร็วกว่า เนื่องจากระบบสาธารณสุขไทยมีประสบการณ์จากการระบาดระลอกที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้เตรียมระบบ Home isolation และ community isolation ไว้สำหรับรักษาพยาบาล เพราะผู้ป่วยโอมิครอนโดยมากอาการไม่รุนแรงสามารถรักษาตัวอยู่ที่บ้านและชุมชนได้ ซึ่งในอนาคตอาจจะเป็นโรคประจำถิ่นต่อไป ดังนั้น ระบบการรักษาถือว่ารับไหว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
กรมวิทย์ฯ รายงานชายอิสราเอลหนีกักตัวติด "โอมิครอน" มีเชื้อน้อย
นักวิจัยจีนพบ "ฟอสซิลตัวอ่อน" ในไข่ไดโนเสาร์ คาดอายุ 66 ล้านปี
งดกิจกรรมกลางแจ้งฝุ่น PM2.5 ระดับสีแดงลากยาวถึง 25 ธ.ค.นี้