วันนี้ (23 ธ.ค.2564) สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ หรือเอฟดีเอ ประกาศเรื่องการอนุมัติใช้ยาแพกซ์โลวิดเป็นกรณีฉุกเฉิน ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ ที่ประชาชนสามารถนำกลับไปรับประทานที่บ้านได้ ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะใช้รับมือกับการระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับไวรัสกลายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเอฟดีเอให้สัญญาว่าจะทำให้ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงที่จะอาการหนัก เข้าถึงยาต้านไวรัสได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ ผลการทดสอบประสิทธิภาพของยาแพกซ์โลวิด พบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันการป่วยหนักจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตได้ถึงร้อยละ 89 ในกลุ่มผู้ใหญ่ที่จัดเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง หากได้รับยาภายใน 2-3 วันแรก หลังจากเริ่มแสดงอาการ และหากได้รับยาภายใน 5 วันแรก ประสิทธิภาพของยาก็ยังคงสูงถึงร้อยละ 88
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอังกฤษทะลุ 1 แสนคนเป็นครั้งแรก
ส่วนที่อังกฤษตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 106,122 คน ถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาด และทะลุ 100,000 คนต่อวันเป็นครั้งแรก ซึ่งประมาณร้อยละ 90 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงลอนดอนเป็นสายพันธุ์โอมิครอน
ระบุปีหน้าการระบาดต้องสิ้นสุดลง
ด้านผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวว่าในปีหน้า การระบาดของโควิด-19 จะต้องสิ้นสุดลง โดยทั่วโลกจะต้องให้ความสำคัญกับการสนับสนุนให้ทุกประเทศฉีดวัคซีนให้ได้ร้อยละ 40 ของประชากร และทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และภายในกลางปีหน้าต้องฉีดให้ได้ร้อยละ 70 ของประชากรทั้งประเทศ
พร้อมระบุถึงแผนการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแบบปูพรมว่า วิธีการนี้จะทำให้การระบาดยืดเยื้อออกไปแทนที่จะสิ้นสุดลง เนื่องจากวัคซีนจะถูกส่งไปยังประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงอยู่แล้ว ซึ่งจะเพิ่มโอกาสให้ไวรัสแพร่ระบาดและกลายพันธุ์ได้มากขึ้น
ที่มา : FDA, AP, REUTERS
อ่านข่าวเพิ่มเติม
รัฐมนตรีมาดาร์กัสการ์ ว่ายน้ำกลางทะเล 12 ชั่วโมงหลัง ฮ.ตก
คุมตัวแล้ว นักท่องเที่ยวอิสราเอลติดโควิด-หนีกักตัวไปเกาะสมุย
ตร.หาหลักฐานเพิ่ม คดี ส.ต.ท.ประสบอุบัติเหตุบนทางด่วน เสียชีวิต