วันนี้ (21 ธ.ค.2564) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เทดรอส อะดานอม เกรเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า เราทุกคนล้วนแต่เบื่อหน่ายการระบาดและต้องการใช้เวลาร่วมกับเพื่อนและครอบครัว ต้องการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ซึ่งหนทางที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเร็วที่สุด คือ เราทุกคนและบรรดาผู้นำจะต้องตัดสินใจในเรื่องที่ยากลำบาก เพื่อปกป้องพวกเราและคนอื่นๆ
ในบางกรณีหมายถึงการยกเลิก หรือเลื่อนการจัดงานกิจกรรม เพราะการยกเลิกงานฉลองตอนนี้เพื่อไปจัดในภายหลัง ย่อมดีกว่าการฉลองตอนนี้และเสียใจในภายหลัง ซึ่งขณะนี้มีหลักฐานว่าโควิด-19 สายพันธุ์ "โอมิครอน" แพร่ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดลตา โดยผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว รวมถึงคนที่เคยติดเชื้อและหายป่วยก็สามารถติดเชื้อโอมิครอนได้
นอกจากนี้ยังระบุว่า ในปี 2565 การระบาดของโควิด-19 จะยุติลงได้ หากร้อยละ 70 ของประชากรในทุกประเทศทั่วโลกได้รับวัคซีนครบภายในกลางปี ขณะเดียวกันได้กล่าวถึงประเทศจีนว่าจะต้องให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 เพราะองค์การอนามัยโลกจำเป็นต้องเดินหน้าต่อจนกว่าจะรู้ต้นกำเนิดของไวรัส ซึ่งต้องเรียนรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เพื่อการจัดการที่ดีขึ้นในอนาคต
ขณะที่หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก เตือนว่า ไม่ใช่เรื่องฉลาดที่จะสรุปจากข้อมูลหลักฐานเบื้องต้นว่า โอมิครอนเป็นสายพันธุ์ที่รุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า
เตือนอีก 2 สัปดาห์คนติดโอมิครอนพุ่ง
ส่วนที่นครนิวยอร์กของสหรัฐอเมริกา ประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ล่าสุดรัฐนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 24,543 คน สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดเมื่อปีที่ 2563 โดยค่าเฉลี่ยของผู้ติดเชื้อในระยะเวลา 7 วัน สูงกว่าสัปดาห์ก่อนถึงร้อยละ 60
ทางการนิวยอร์กได้ตั้งจุดตรวจหาโควิด-19 จำนวน 8 แห่ง และหน่วยให้บริการเคลื่อนที่อีก 17 หน่วย รวมถึงแจกหน้ากากอนามัย N95 จำนวน 1 ล้านชิ้นและชุดตรวจหาเชื้อแบบตรวจเองที่บ้านอีก 500,000 ชุด
ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพแห่งชาติ เตือนว่า ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าจำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สิ่งสำคัญในขณะนี้คือการฉีดวัคซีนทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้น ดังนั้นคนที่มีสิทธิฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นควรเข้ารับการฉีดโดยเร็ว ล่าสุดสหรัฐอเมริกาพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนใน 43 รัฐ จากทั้งหมด 50 รัฐทั่วประเทศ