วันนี้ (14 ธ.ค.2564) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เดือน ธ.ค.2564 ครบรอบ 1 ปีที่อังกฤษเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มแรก แต่ผ่านมา 1 ปีการต่อสู้กับไวรัสนี้ยังไม่สิ้นสุด ขณะที่โอมิครอนจะกลายเป็นเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในอังกฤษ ตามการคาดการณ์ของหน่วยงานสาธารณสุข ประกอบกับการยืนยันพบผู้เสียชีวิตที่ป่วยด้วยโอมิครอนคนแรก จึงไม่สามารถชะล่าใจได้อีกต่อไป
จำนวนผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการป่วยจาก "โอมิครอน" ในอังกฤษ ขณะนี้ยังอยู่ในหลักสิบคน แต่อีกไม่นานตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะปัจจุบันจำนวนผู้ติดเชื้อดังกล่าวในอังกฤษเพิ่มขึ้นเท่าตัวทุกๆ 2 วันครึ่ง
ความเร็วของการแพร่ระบาด ทำให้อังกฤษกำลังมุ่งหน้าไปสู่การมีผู้ติดเชื้อโอมิครอนเกิน 1 ล้านคน ภายในช่วงคริสต์มาส หรือในอีก 10 กว่าวันเท่านั้น แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโอมิครอนเมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.) จะมีรายงานแค่ไม่ถึง 5,000 คน แต่ผู้เชี่ยวชาญเกรงว่าตัวเลขจริงอาจจะมากถึง 200,000 คน พร้อมเตือนว่าหากยังไม่มีมาตรการป้องกันโรคที่เข้มงวดมากขึ้น เดือน ม.ค. อังกฤษเจอการระบาดรุนแรงอย่างแน่นอน และอาจได้เห็นตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นระหว่าง 25,000 - 75,000 คน ภายในอีก 5 เดือน
สถานการณ์จะดีหรือร้ายนั้น ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของวัคซีนเข็มกระตุ้น กับความสามารถของโอมิครอนในการหลบภูมิคุ้มกัน กรณีที่โอมิครอนหลบภูมิได้ไม่ดี และวัคซีนเข็ม 3 ได้ผลดี การประมาณการชี้ว่าตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2564 - 30 เม.ย.2565 จะมีผู้ติดเชื้อประมาณ 20 ล้านคน และเสียชีวิตไม่ถึง 25,000 คน แต่หากโอมิครอนหลบภูมิเก่ง และวัคซีนเข็ม 3 ไม่ได้ผลดีนัก อาจติดเชื้อถึง 34 ล้านคน และเสียชีวิตร่วมๆ 75,000 คน
สถานการณ์แบบนี้ทำให้ บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เปลี่ยนเป้าหมายฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ประชากรวัยผู้ใหญ่ อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ทั้งประเทศ 20 ล้านคน ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ขยับเร็วขึ้นมา 1 เดือน จากเป้าหมายเดิมสิ้นเดือน ม.ค.2565 เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดเมืองรอบใหม่
หากจะทำให้ได้ตามเป้า ตั้งแต่วันนี้ (14 ธ.ค.) อังกฤษจะต้องฉีดกระตุ้นให้ได้วันละ 1 ล้านเข็ม ซึ่งเหล่านี้คือแนวทางที่อังกฤษระดมสรรพกำลังทุกทางเพื่อเร่งฉีดวัคซีน ทั้งการขอความร่วมมือจากกองทัพ จัดหาอาสาสมัคร ตั้งจุดฉีดวัคซีนเพิ่ม และเปิดศูนย์ฉีด 7 วันไม่มีวันหยุด เพราะขณะนี้อังกฤษเหลือเวลาช่วงสั้นๆ เท่านั้นที่จะเร่งพลิกสถานการณ์ให้ได้
แต่ข้อเสียของแผนการนี้คือ จะส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยโรคอื่นๆ เพราะเจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องระดมกำลังให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนก่อนในช่วง 2-3 สัปดาห์นี้ การนัดพบแพทย์หรือการผ่าตัดใดๆ ที่ไม่เร่งด่วนจะต้องเลื่อนออกไป
ขณะที่วันแรกของภารกิจแห่งชาติกลับไม่ราบรื่น นอกจากคนจะไปต่อคิวรอฉีดวัคซีนแบบวอล์กอินในหลายเมือง เว็บไซต์ที่ใช้ลงทะเบียนฉีดเข็มกระตุ้นก็พบปัญหาติดขัด เพราะมีผู้ใช้งานพร้อมกันจำนวนมาก
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนอาจมองว่า มาตรการขณะนี้ยังไม่เพียงพอ แม้ว่าจะยกระดับมาตรการรอบใหม่ แต่การฉีดวัคซีนอาจต้องควบคู่ไปกับการคุมเข้ม เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยปี 2563 ที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมากจากการปิดเมืองช้าเกินไป ซึ่งอีกไม่นานคงถึงเวลาที่รัฐบาลอังกฤษต้องประเมินอีกครั้งว่ารับมือได้หรือไม่
ที่มา : BBC, Reuters, The Telegraph, AP, Mirror
อ่านข่าวอื่นๆ
"อังกฤษ" ยืนยันพบผู้เสียชีวิตจาก "โอมิครอน" แล้ว 1 คน
ผู้นำอังกฤษเตือนวัคซีน 2 เข็ม ต้านโอมิครอนไม่อยู่
จีนพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ "โอมิครอน" คนแรก