ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

นักวิจัยระบุฉีดวัคซีนสูตรผสมได้ผลดี เหมาะเร่งสร้างภูมิคุ้มกัน

ต่างประเทศ
8 ธ.ค. 64
14:45
681
Logo Thai PBS
นักวิจัยระบุฉีดวัคซีนสูตรผสมได้ผลดี เหมาะเร่งสร้างภูมิคุ้มกัน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ผู้เชี่ยวชาญในอังกฤษเผยผลงานวิจัยชิ้นใหม่ สนับสนุนประสิทธิภาพของการใช้วัคซีนสูตรผสม ซึ่งเป็นอีกทางเลือกในการสร้างภูมิคุ้มกันให้ได้ดี รวดเร็วและจัดการฉีดวัคซีนง่ายขึ้น

กระแสการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอนขณะนี้ ทำให้ทั่วโลกตื่นตัวเร่งฉีดวัคซีนกันมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศร่ำรวยที่เดินหน้าฉีดเข็มกระตุ้นไปได้พอสมควรแล้ว แต่ถ้าหันไปดูประเทศยากจนจำนวนไม่น้อย ยังคงอยู่ในขั้นตอนของการฉีดวัคซีนเข็มแรกและเข็มที่สอง

ขณะที่ล่าสุดผู้เชี่ยวชาญในอังกฤษเผยผลงานวิจัยชิ้นใหม่ สนับสนุนประสิทธิภาพของการใช้วัคซีนสูตรผสม ซึ่งเป็นอีกทางเลือกในการสร้างภูมิคุ้มกันให้ได้ดี รวดเร็วและจัดการฉีดวัคซีนง่ายขึ้น เพราะไม่ต้องยึดติดกับการจัดหาวัคซีนยี่ห้อเดียวมาฉีดให้ครบทั้ง 2 เข็ม

 

ผลการศึกษาที่จัดทำโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดที่อังกฤษและตีพิมพ์ลงในวารสารด้านการแพทย์ The Lancet พบว่า ประสิทธิภาพของการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบบต่างยี่ห้อ ต่างเทคโนโลยีกัน บางรูปแบบจะได้ผลในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ดีกว่าการใช้วัคซีนยี่ห้อเดียวฉีดทั้ง 2 เข็ม

โดยวัคซีนที่นำมาทดลองมีทั้งไฟเซอร์ โมเดอร์นา แอสตราเซเนกา และโนวาแวกซ์ ใช้กลุ่มตัวอย่าง 1,070 คน ทดสอบแล้วพบว่า เมื่อฉีดวัคซีนไฟเซอร์หรือแอสตราเซเนกา เป็นวัคซีนเข็มที่ 1 จากนั้นเว้นระยะนาน 9 สัปดาห์ ฉีดโมเดอร์นาตามเป็นเข็มที่ 2 จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ดีกว่าการฉีดแอสตราเซเนกาหรือว่าไฟเซอร์ทั้ง 2 เข็ม การทดสอบนี้ ยังไม่พบข้อกังวลใด ๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง


สูตรผสมดังกล่าว ถ้าเป็นไฟเซอร์ตามด้วยโมเดอร์นา จะกระตุ้นแอนติบอดีได้มากที่สุด ตามข้อดีของวัคซีน mRNA คือกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ได้มากกว่า

แต่การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเรา ไม่ได้ใช้แค่แอนติบอดีในการรับมือกับไวรัส ยังมีกลไกที่เรียนรู้ จดจำเชื้อโรคที่เข้ามาคุกคามร่างกาย ซึ่งวัคซีนแอสตราเซเนกาและโนวาแวกซ์ ก็สามารถกระตุ้นการทำงานในส่วนนี้ได้ดี

 

อีกสูตรหนึ่งที่น่าสนใจคือ การผสมวัคซีนแอสตราเซเนกากับโนวาแวกซ์ ซึ่งกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี ได้ประสิทธิภาพมากกว่าการฉีดแอสตราเซเนกา 2 เข็ม แม้ว่าอาจจะกระตุ้นแอนติบอดีไม่ได้มากเท่ากับการใช้วัคซีน mRNA

วัคซีนทั้ง 2 ยี่ห้อนี้ ไม่ต้องเก็บรักษาในที่เย็นจัด ทำให้สูตรนี้เหมาะกับประเทศที่ไม่ได้มีโครงสร้างพื้นฐานเอื้ออำนวยต่อการจัดเก็บวัคซีน mRNA ที่ต้องใช้อุณหภูมิเย็นจัด

แอสตราเซเนกาเรารู้จักกันดีอยู่แล้วว่าใช้เทคโนโลยีไวรัลเวกเตอร์ ส่วนโนวาแวกซ์ใช้เทคโนโลยี protein-based ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาขององค์การอนามัยโลก และหน่วยงานกำกับดูแลของประเทศต่าง ๆ แต่น่าจะอยู่ในขั้นท้าย ๆ ที่ใกล้จะอนุมัติแล้ว หรืออย่างอินโดนีเซียกับฟิลิปปินส์ อนุมัติใช้งานฉุกเฉินไปก่อนแล้ว เมื่อเดือนที่ผ่านมา

จริง ๆ แล้วการใช้วัคซีนที่พัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน และมีกลไกการทำงานคนละแบบ มาผสมกันยังเป็นเรื่องใหม่อยู่ แต่งานวิจัยชิ้นนี้มีจุดประสงค์คือ ต้องการชี้ให้เห็นว่า การฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพต่างชนิดกันผสมกันแบบคนละเข็ม ไม่จำเป็นจะต้องแย่หรือด้อยไปกว่าการฉีดวัคซีน 2 เข็มด้วยยี่ห้อเดียวกัน

 

ผลการศึกษาชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลางมากเป็นพิเศษ เหมาะแก่การเร่งสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อรับมือไวรัสกลายพันธุ์ตอนนี้ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าหลาย ๆ ที่ยังประสบปัญหาในการจัดซื้อวัคซีน อาจจะมีคลังสำรองวัคซีนแต่ละยี่ห้อมากน้อยแตกต่างกันออกไป

ดังนั้นการที่สามารถยืดหยุ่นและฉีดวัคซีนสูตรผสมแบบนี้ได้ อาจจะเป็นทางออกที่ดี เพื่อให้เร่งสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชากรได้อย่างเร็วที่สุด โดยไม่ต้องยึดติดว่าต้องใช้วัคซีนจากผู้ผลิตเจ้าเดียวกันทั้ง 2 เข็ม โดยเฉพาะประเทศไหนที่ยังอยู่ระหว่างการฉีดวัคซีน 2 เข็มแรก ยังไปไม่ถึงเข็ม 3 แบบประเทศร่ำรวย อาจจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพดี นอกจากนี้ยังอาจเป็นแนวทางที่จะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนวิธีการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันโรคอื่น ๆ ในอนาคตได้

 

ที่มา : Reuters ,The Lancet

ข่าวที่เกี่ยวข้อง