วันนี้ (5 ธ.ค.2564) สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า สถาบันสาธารณสุขนอร์เวย์ เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ "โอมิครอน" อย่างน้อย 13 คน จากงานเลี้ยงสังสรรค์เฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสของบริษัทด้านพลังงานแห่งหนึ่ง
เหตุการณ์ดังกล่าว ถือเป็นการพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนแบบเป็นกลุ่มก้อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนอกแอฟริกาใต้ และจำนวนผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงกว่า 60 คน
การพบผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนครั้งนี้ ทำให้รัฐบาลนอร์เวย์ต้องบังคับใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วประเทศอีกครั้ง เพื่อสกัดเชื้อสายพันธุ์ใหม่
ชาวอังกฤษรับวัคซีนเข็ม 3 กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
ประชาชนในกรุงลอนดอนจำนวนมากทยอยรับวัคซีนเข็ม 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่หน่วยบริการวัคซีน หลังจากรัฐบาลอังกฤษตั้งเป้าวัคซีนเข็ม 3 ให้ประชาชน อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปทุกคน ภายในสิ้นเดือน ม.ค.2565 และลดระยะห่างระหว่างการให้วัคซีนเข็ม 2 กับเข็มกระตุ้น จาก 6 เดือนเหลือ 3 เดือน เพื่อรับมือกับสายพันธุ์โอมิครอน
ซาจิด จาวิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ เปิดเผยว่า ทุกคนที่เดินทางเข้าประเทศจะต้องผ่านการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนออกเดินทางจากประเทศต้นทาง นับตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้ยังเตรียมเพิ่ม "ไนจีเรีย" ลงในกลุ่มประเทศบัญชีแดงร่วมกับแอฟริกาใต้ นามิเบีย เลโซโท เอสวาตินี ซิมบับเว บอตสวานา แองโกลา โมซัมบิก มาลาวี และแซมเบีย เพื่อรับมือกับเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ขณะที่พลเมืองชาวอังกฤษ หรือผู้มีถิ่นพำนักถาวรที่เดินทางมาจากไนจีเรีย จะต้องกักตัวเพื่อสังเกตอาการภายในโรงแรมที่จัดไว้ให้
ทั้งนี้ การยกระดับมาตรการคัดกรองคนจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เกิดขึ้นหลังจากอังกฤษพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน 160 คน
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญ เตือนว่าโควิด-19 สายพันธุ์เดลตายังคงเป็นสายพันธุ์หลักในยุโรปและอีกหลายประเทศทั่วโลก พร้อมทั้งแนะนำให้ประชาชนเร่งรับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เพื่อป้องกันการป่วยหนักและลดอัตราการเข้าโรงพยาบาลจากสายพันธุ์เดลตา
อ่านข่าวอื่นๆ
"เยอรมนี" ถอนไทยพ้นประเทศเสี่ยงสูง-ไม่ต้องกักตัว
อนามัยโลกแนะตั้งรับ "โอมิครอน" แต่ไม่ควรตระหนก
นักวิจัยชี้ "โอมิครอน" กลายพันธุ์อาจมีต้นตอจากเชื้อหวัด