วันนี้ (5 พ.ย.64) กรณีมีข่าวนักเรียนโรงเรียนมัธยมใน อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร พบครูและนักเรียนติดเชื้อโควิด-19 กว่า 80 คน และต้องกักตัวนักเรียน 1,000 คน ล่าสุดเฟซบุ๊กสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร โพสต์ข้อความยืนยันแล้วว่า ผลตรวจจากห้องปฏิบัติการไม่พบการติดเชื้อโควิด-19 ล่าสุดนักเรียนทุกคนกลับบ้านแล้ว
มุกดาหารยืนยันผลตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบการติดเชื้อโควิด-19 ที่โรงเรียนคำสร้อยพิทยาสรรพ์ทุกคนกลับบ้านแล้ว
ขณะที่ นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ ยืนยัน ผลตรวจ RT-PCR ไม่มีใครติดเชื้อ รอพื้นที่ชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง
ด้านนายธฤติ ประสานสอน ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ชี้แจงว่า อาจมาจากผลการตรวจ ATK ที่คลาดเคลื่อน โดยชุดตรวจที่นำมาใช้ เป็นชุดตรวจที่ทางโรงเรียนได้รับบริจาค ซึ่งผ่านการรับรองของ อย.แล้ว แต่คาดการณ์ว่า ผลอาจคลาดเคลื่อนจาก ทักษะของเจ้าหน้าที่ที่ทำการตรวจ ซึ่งเป็นครู บุคลากร เจ้าหน้าที่ อสม.ประกอบกับการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่ง อาจคลาดเคลื่อน แต่ก็ได้ให้ครูและนักเรียนสังเกตอาการตัวเอง ถ้าพบความผิดปกติ ให้รีบแจ้ง พร้อมประสาน อสม.ให้ติดตามอาการ และเฝ้าระวังต่อเนื่อง ส่วนจะกลับมาเปิดเรียนเมื่อไหร่ จะมีการประเมินอีกครั้ง
ส่วนการฉีดวัคซีน ขณะนี้โรงเรียนมีเด็กนักเรียนแจ้งความประสงค์ขอรับวัคซีน ร้อยละ 90 จากจำนวน 1,100 คน และมีการฉีดวัคซีนไปแล้ว ร้อยละ 80 ของจำนวนทั้งหมด
รมว.ศธ. โล่งผลตรวจ นร.-ครู ไม่ใช่คลัสเตอร์โควิด
น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ. กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ ได้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวแล้วพบว่า ครูและนักเรียนบางส่วน ที่ตรวจพบผลเป็นบวก จากการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี ATK เมื่อตรวจด้วยวิธี R- PCR ซ้ำอีกครั้ง ทางสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร ได้แจ้งผลตรวจยืนยันของโรงเรียนดังกล่าวเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่าน เวลา 04.00 น. ว่าตรวจแล้วผลเป็นลบ ผลยืนยันไม่พบเชื้อโควิด-19 ทุกคน ทั้งนี้นักเรียนกว่า 1,000 คน และนักเรียนที่พักรอที่โรงพยาบาลสนามทุกคนได้ทยอยกลับบ้านหมดแล้ว และให้เฝ้าระวังและสังเกตอาการอยู่ที่บ้าน โดยในวันที่ 5-11 พ.ย.นี้ โรงเรียนจะจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์
รมว.ศธ.กล่าวว่าได้สั่งการไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และหน่วยงานที่มีสถานศึกษาในสังกัด ให้เฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่อาจจะเกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งระดับเขตพื้นที่การศึกษา จังหวัด และส่วนกลาง หากเกิดเหตุไม่ว่าจะในพื้นที่จังหวัดใดให้ดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุในการที่จะเข้าไปแก้ปัญหาทันทีเพื่อให้ความมั่นใจผู้ปกครองและนักเรียน
ขณะนี้ทุกโรงเรียนมีแผนการเผชิญเหตุในระดับปฏิบัติที่เป็นระบบและมีการซักซ้อมเป็นอย่างดี เมื่อเกิดเหตุการณ์เด็กติดเชื้อโควิด-19 ขึ้นมาทางสาธารณสุขจะเข้าในพื้นที่ทันทีทั้งโรงเรียนและชุมชน โดยในส่วนของโรงเรียนก็จะหารือร่วมกับผู้เกี่ยวข้องว่าควรจะหยุดเรียนหรือไม่ โดยยึดหลักการความปลอดภัยของนักเรียนควบคู่กับคุณภาพของผู้เรียนเป็นสำคัญ
ขอกำชับให้ทุกสถานศึกษาปฏิบัติตาม 6 มาตรการหลัก 6 มาตรการเสริม และ 7 มาตราการเข้มสำหรับสถานศึกษา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง