วันนี้ (29 ต.ค.2564) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ประเด็นสำคัญคือการประกาศเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ โดยคนที่เดินทางอากาศ คนไทยและชาวต่างชาติ 46 ประเทศสามารถเข้าไทยได้โดยไม่กักตัว แต่ยังขอความร่วมมือจากทุกคน และสถานการประกอบการต่างๆ ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการสาธาณสุขอย่างเต็มที่
ส่วนเส้นทางอื่นๆ ยังคงกำหนดมาตรการทางบกและทางน้ำ ยังต้องกักตัวเช่นเดิม เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองมา และขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้าน เช่นเดียวกับการค้าขายตามแนวชายแดน ให้นโยบายกับกระทรวงมหาดไทยว่า การซื้อขายสินค้าต้องเป็นไปตามมติอาเซียน และกำลังพิจารณาจะทยอยเปิดให้ แต่ต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัย
จองยา"โมลนูพิราเวียร์" ไม่ตกแถว
COVID-19 ระบาดมาหลายระลอกแล้ว ไทยมีแผนเตรียมการแผนเชิญเหตุ โรงพยาบาลสนามต้องมีความพร้อมในการดูแล รวมถึงการเร่งรัดสั่งจองยาโมลนูพิราเวียร์ เพื่อไม่ให้ไทยตกอยู่ท้ายแถว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขอความร่วมมือกลุ่มอาเซียนบวก 3 และเอเชียใต้ เพราะหลายประเทศในการผลิตยา และจองไว้ก่อนตามความจำเป็น ควบคู่กับการหายาฟาร์วิพิราเวียร์ และการพัฒนาสกัดสมุนไพรไทย นอกจากฟ้าทะลายโจรมาเพิ่มในการดูแลรักษา ต้องทำให้ปลอดภัย
การประกาศให้ทั่วโลกรู้ถึงการเปิดประเทศ ขอทำความเข้าใจว่าไม่ใช่นักท่องเที่ยวจะเข้ามาทันที เป็นเวลาสั้นๆ คราวละมากๆ ซึ่งกรณีการเปิดภูเก็ตแซนด์บอกซ์ มีคนเข้ามา 40,000 กว่าคน กระจายไปในหลายพื้นที่
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ระบุอีกว่า หลายประเทศในโลกก็เริ่มทำแซนด์บ็อกซ์การท่องเที่ยว ซึ่งไม่ใช่ว่าเมื่อประกาศแล้วมาได้เลย แต่เขาต้องประเมินวางแผน และอนุญาตให้คนเข้ามาและศึกษามาตรการว่า ปฏิบัติได้หรือไม่ การประกาศเพื่อให้เขาเตรียมการ และไทยจะเป็นประเทศแรกๆ ที่จะพิจารณาการเดินทางในช่วงไฮซีซั่น เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการท่องเที่ยว
ขอกลุ่มเห็นต่าง-อย่าสร้างความเสียหายคนทำมาหากิน
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขอความมือผู้เห็นต่าง และการสร้างความรุนแรงบนท้องถนนว่า ขอความร่วมมือย่าสร้างภาพความเสียหายต่อประเทศ เพราะทำให้ประชาชนที่เขาเดือดร้อนไปด้วย และนักท่องเที่ยวกังวลเรื่องผลกระทบ
สิ่งที่รัฐบาลคิดอยู่คือ ให้ประชาชน ร้านค้า ร้านอาหารกลับมาทำมาหากินได้ สนับสนุนการเปิดประเทศ เพิ่มการจ้างงาน รายได้ในทุกกิจการ รวมถึงระบบบริการคมนาคมที่จะกลับมา
นายกรัฐมนตรี ย้ำอีกว่า นายกรัฐมนตรี พูดมาหลักการและนโยบาย แต่ยังมีการปรับพื้นที่สีต่างๆ ซึ่งหลายฝ่ายยังห่วงกังวลในพื้นที่ระบาดในอดีต จึงต้องพิจารณาในการปรับสี และอยากให้ทุกคนที่อยากมีส่วนร่วม ต้องลงทะเบียน ปรับเตรียมความพร้อมสถานที่ให้เดินหน้าไปด้วยและร่วมรับผิดชอบไปกับเรา
การประเทศสร้างความเชื่อมั่น ทำให้คนไทยรอดพ้นจากเศรษฐกิจไม่มากก็น้อย และมาตรการอื่นรัฐบาลเติมไปเรื่อยๆ ซึ่งถือว่าไทยเป็นประเทศที่ดูแลประชาชนได้มากที่สุด และเราไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ส่วนกรณีที่ ลิซ่า BLACKPINK ไม่ได้มาร่วมแสดงในงานเคานต์ดาวน์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เห็นใจที่ลิซ่าไม่สามารถมาไทยได้ และพยายามติดต่อมา แต่ยังไม่เคลียร์เวลาของเขา จำเป็นต้องเลื่อนมาไม่ได้ในระยะนี้ และมอบหมายให้การท่องเที่ยวหาคนที่มีชื่อเสียง และนำวัฒนธรรมการแสดงในภาคต่างๆของไทยมาโชว์ให้คนตื่นเต้น ประทับใจในวัฒนธรรม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศบค.ลด "สีแดงเข้ม" เหลือ 7 จังหวัด 4 จังหวัดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้