ตามที่มีข่าวปรากฏว่ากระทรวงการต่างประเทศ “เบรก” การบริจาคหรือการนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นาจากโปแลนด์ให้แก่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นั้น กระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจงว่าข่าวดังกล่าวคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง โดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอความร่วมมือกระทรวงการต่างประเทศในการนำวัคซีนดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทย รวมทั้งมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ อำนวยความสะดวกตรวจสอบวัคซีน ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐของโปแลนด์ในการจัดส่งวัคซีนดังกล่าวจากโปแลนด์มายังประเทศไทย และขอบคุณโปแลนด์ในนามประเทศไทย
หน่วยงานผู้บริจาคคือ RARS และหน่วยงานผู้รับบริจาคคือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้หารือเรื่องการบริจาควัคซีนดังกล่าวโดยตรงกันมาตั้งแต่แรก โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่เคยขัดขวางการหารือดังกล่าวในรูปแบบใด ๆ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศไม่เคยได้รับการยืนยันเรื่องการบริจาคนี้ในระดับรัฐบาลผ่านกระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์ หรือสถานเอกอัครราชทูตโปแลนด์ประจำประเทศไทย โดยสถานะล่าสุดที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอได้รับแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์ คือหน่วยงานต่าง ๆ ของโปแลนด์ยังหารือกันอยู่ในเรื่องการบริจาคนี้ โดยที่การบริจาคในระดับรัฐบาลยังไม่ได้รับการยืนยัน
ขณะที่ RARS ได้แจ้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้วว่าประสงค์จะบริจาควัคซีนให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนังสือกระทรวงการต่างประเทศตามที่เป็นข่าวจึงระบุว่า น่าจะเป็นการเหมาะสมที่หน่วยงานผู้รับบริจาคคือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะหารือโดยตรงกับหน่วยงานผู้บริจาค คือ RARS โดยไม่มีข้อความใดในหนังสือกระทรวงการต่างประเทศที่เป็นข่าวที่คัดค้านหรือ “เบรก” ว่าไม่เห็นด้วยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะดำเนินการเรื่องการบริจาค หรือนำเข้าวัคซีนจากโปแลนด์ในครั้งนี้ อีกทั้งกระทรวงการต่างประเทศไม่มีอำนาจเชิงกฎหมายใดที่จะ ”เบรก” การดำเนินการของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในการทำความตกลงกับหน่วยงานต่างประเทศ หรือการนำเข้าวัคซีนตามที่เป็นข่าว
แนะ มธ.หารือกรมควบคุมโรค
กระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ ไม่มีบุคลากรที่มีความรู้เฉพาะทาง ที่จะสามารถสนับสนุนการตรวจสอบวัคซีน การจัดส่งวัคซีน หรือการนำเข้าวัคซีน ตามที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ร้องขอ เนื่องจากเป็นการดำเนินการที่ต้องใช้ความรู้ความชำนาญเฉพาะทาง และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาคุณภาพของวัคซีน ทั้งยังมีกฎหมายควบคุมหลายฉบับเพื่อปกป้องสวัสดิภาพของประชาชน
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศจึงได้แนะนำให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หารือกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหน่วยงานโดยตรงในเรื่องนี้ และน่าจะอยู่ในสถานะที่ให้คำแนะนำและสนับสนุนการดำเนินการของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ดีกว่ากระทรวงการต่างประเทศ
ในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งการบริจาควัคซีน Astra Zeneca และวัคซีน Pfizer จากมิตรประเทศเกือบ 10 ประเทศมายังรัฐบาลไทย ในสัญญาระหว่างประเทศผู้บริจาคและประเทศผู้รับบริจาคทุกฉบับ มีประเด็นสำคัญที่สุดประเด็นหนึ่งคือ ประเด็นการชดเชยความเสียหาย (indemnity) ในกรณีที่ผู้รับการฉีดวัคซีนเกิดผลข้างเคียง
ด้วยเหตุนี้ หนังสือกระทรวงการต่างประเทศที่เป็นข่าว จึงให้คำแนะนำว่า นอกจากเรื่องกระบวนนำเข้าวัคซีนแล้ว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อาจพิจารณาหารือกรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นหน่วยงานโดยตรง ในประเด็นการชดเชยความเสียหายด้วย เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศคำนึงถึงการให้ความคุ้มครองสูงสุดประชาชนผู้รับการฉีดวัคซีนเป็นหลัก
กต.ไม่มีส่วนร่วมเจรจาสัญญาบริจาควัคซีน
นอกจากนี้ ในการทำสัญญาระหว่างประเทศผู้บริจาคและประเทศผู้รับการบริจาควัคซีนแอสตราเซเนกา และวัคซีนไฟเซอร์ทุกฉบับ บริษัทผู้ผลิตวัคซีนต้องรับทราบและให้ความเห็นชอบการบริจาค ทั้งสัญญาการบริจาคทุกฉบับยังมีรายละเอียดเงื่อนไขต่างๆ ที่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย อาทิ การห้าม มิให้นำวัคซีนที่ได้รับบริจาคมาจำหน่ายเพื่อผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยที่การดำเนินการของมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์จะเป็นการรับบริจาควัคซีนโมเดอร์นาเป็นครั้งแรก
กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้มีส่วนร่วมในการเจรจาสัญญาการบริจาคระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และ RARS กระทรวงการต่างประเทศจึงให้คำแนะนำโดยสุจริตใจและอย่างมืออาชีพว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์น่าจะพิจารณากระบวนการรับบริจาคอย่างถี่ถ้วน เพื่อประโยชน์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เองไม่ให้ถูกร้องเรียนจากฝ่ายใดในภายหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากถูกมองว่ามีผลประโยชน์เชิงพาณิชย์เกี่ยวข้องกับวัคซีนที่ได้รับบริจาค
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
กต.แจ้ง มธ.วัคซีน "โมเดอร์นา" ไม่ใช่บริจาครัฐต่อรัฐ