ทันทีที่ปรากฏข่าวนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เตรียมตั้งพรรคการเมืองสู้ศึกเลือกตั้ง นำไปสู่การหยิบยกเส้นทางอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยหลายคนในอดีต
ดังกรณีของนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมงานการเมืองกับพรรคไทยรักไทย ในตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และรมช.ศึกษาธิการ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย โลดแล่นบนเวทีการเมืองหลังเกษียณอายุราชการ ในตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก่อนจะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
รวมถึงกับกรณีของนายอารีย์ วงศ์อารยะ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เป็นรมว.มหาดไทยในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
แต่มีข้อสังเกตจาก นายตระกูล มีชัย คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรณีโจทย์ท้าทายของอดีตข้าราชการมากบารมีอย่าง นายพิศาล มูลศาสตรสาทร ในฐานะอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อเส้นทางการเมืองหลังจากนั้นสามารถเทียบกับนายฉัตรชัยได้ ทั้งตำแหน่งราชการสุดท้าย และการร่วมก่อตั้งพรรคการเมือง
นายพิศาลเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคความหวังใหม่ และดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค งานการเมืองดำรงตำแหน่ง รมว.วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ในรัฐบาลชวน หลีกภัย และ รมว.แรงงานและสวัสดิการสังคม ในรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา แต่ทั้งหมดอาจไม่ได้มีฐานบารมีสมัยเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เข้าหนุนเสริมอย่างที่คาดหวังไว้
แต่นายตระกูล เชื่อว่าหากไม่สามารถดึง ส.ส.ระดับแชมป์เขต หรืออดีตผู้สมัครที่มีฐานเสียงเป็นของตัวเองมาร่วมงานการเมืองเพิ่มเติมได้ อาจต้องเผชิญโจทย์ยากในศึกเลือกตั้ง
พรรคการเมืองใหม่ของนายฉัตรชัย มีกลุ่มการเมืองภาคใต้ในพรรคพลังประชารัฐ ประกาศเข้าร่วมงานการเมืองแล้ว เช่นเดียวกับท่าทีของกลุ่มสามมิตรที่ถูกจับจ้องว่า จะเป็นกลุ่มการเมืองมากบารมีกลุ่มต่อไปที่เข้าร่วม พร้อมกับการช่วยงานประสานผู้สมัคร ส.ส.จำนวนมากในอนาคต