แม้จะมีการเลื่อนเปิดเมืองให้ท่องเที่ยว ก็ต้องเตรียมความพร้อมเรื่องมาตรการต่าง ๆ ไว้ก่อน
นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เปิดเผยถึงแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายใต้โครงการ “พัทยา มูฟ ออน” ให้นักท่องเที่ยวกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองพัทยาว่า ขณะนี้เมืองพัทยามีความพร้อม โดยการเปิดประเทศจะให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดส ตรวจ RT-PCR ไม่น้อยกว่า 72 ชั่วโมง และการซื้อประกัน
เมื่อเข้ามาอยู่ไทย Day 0 จะตรวจ RT-PCR อีกครั้ง จากนั้นจะสามารถเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ได้ในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ “พัทยาและสัตหีบ” ในรูปแบบ Seal Area โดยมี SHA-PLUS manager ดูแลไม่ให้ออกนอกพื้นที่
ขณะที่ประชากรเมืองพัทยาจะต้องได้รับวัคซีนไม่น้อยกว่า 70 % หรือในสถานประกอบการ ซึ่งในขณะนี้ จ.ชลบุรี ฉีดวัคซีนไปแล้ว 70 % ในพื้นที่เป้าหมาย คือ อ.บางละมุง และ พัทยา
เมืองพัทยาฉีดไปแล้ว 60,000 คน อ.บางละมุง ฉีดไปแล้ว 140,000 คน และที่โครงการที่เตรียมนำร่องคือ เกาะล้าน ฉีดวัคซีนไปแล้ว 90 % ทำให้มีความมั่นใจว่าจะเปิดรับนักท่องเที่ยวได้
ขึ้นอยู่ว่าทาง ศบค.กำหนดแนวทางขั้นตอนอย่างไรต่อไป ซึ่งก็พร้อมจะปฏิบัติตามทั้งภาครัฐและเอกชน
การอยู่ร่วมกับโควิด เป็นเป้าหมายของเราอยู่แล้ว ทั้งวัคซีนที่ฉีดไปกว่า 70 % และมีโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีความพร้อมหลายแห่ง และมีห้องความดันลบ และเครื่องช่วยหายใจในการรองรับผู้ป่วยโควิดพร้อมอยู่แล้ว
ขณะที่สถานประกอบการด้านท่องเที่ยว เช่น โรงแรมต่าง ๆ ได้ฉีดวัคซีนไปแล้ว และมีมาตรฐานจากการเป็น Alternative Quarantine มาก่อนแล้ว
พร้อมรับนักท่องเที่ยว “ไฮ ซีซัน” ตั้งเป้ารายได้ 20 %
ด้านนักธุรกิจเมืองพัทยา เรียกร้องอยากให้ภาครัฐ มีความชัดเจน หากต้องเลื่อนไปเดือน พ.ย. จะทำให้ได้รับผลกระทบ เนื่องจากลงทุนรับพนักงาน และเตรียมอาหารสำหรับนักท่องเที่ยวไว้แล้ว
นายบุญอนันต์ พัฒนสิน นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา กล่าวว่า ในช่วงที่ยังไม่สามารถเปิดเมืองท่องเที่ยวได้ แต่ธุรกิจและภาคเศรษฐกิจก็ต้องเดินหน้า แม้ภาครัฐจะประกาศให้ปิดกิจการ กิจกรรมบางอย่างชั่วคราว แต่ยอดผู้ติดเชื้อก็ยังไม่ลดลง
อยากให้ภาครัฐมีความชัดเจน เพื่อให้ธุรกิจสามารถขับเคลื่อนไปได้ มาตรการต่าง ๆ ควรทำควบคู่ไปกับมาตรการเรื่องเศรษฐกิจและการควบคุมโรคด้วย
หากเมืองพัทยาไม่สามารถเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวได้ตามกำหนด 1 ต.ค. หรือต้องเลื่อนเป็น 1 พ.ย.แผนเปิดรับก็ยังคงเดินหน้าไป เพื่อรอวันที่จะมีความพร้อม
ปิดเมืองกระทบทางเศรษฐกิจ จึงอยากให้ภาครัฐชัดเจน ซึ่งจะทำให้ภาคเอกชนได้มีการวางแผนและปรับตัวได้ถูก นักท่องเที่ยวเกิดความเชื่อมั่น
ภาคเอกชนเมืองพัทยา เตรียมความพร้อมไว้แล้ว หากต้องเลื่อนเปิดเมืองอาจจะส่งผลกระทบในหลาย ๆ ด้าน ทั้งเรื่องการจ้างพนักงาน การเตรียมอาหารไว้เพื่อบริการลูกค้า ขณะที่แผนการเปิดประเทศมีการปรับหรือเลื่อนออกไปโดยไม่มีความชัดเจน
เอกชนมีต้นทุนทุกวัน บอกว่าจะเปิด แต่ขอเลื่อนไปก่อน นั้นคือต้นทุนที่ต้องแบกรับอยู่ ฉะนั้นต้องชัดเจน ทุกวันนี้ภาคเอกชนพร้อมเปิด วัคซีน บุคลากร สถานที่ ตัวเมืองภาพรวมก็พร้อมหมดแล้ว
นายบุญอนันต์ กล่าวว่า การเปิดเมืองในช่วงแรกไม่ได้คาดหวังว่านักท่องเที่ยวเข้ามาหลักล้านคนต่อเดือนอย่างที่เคยมี ตอนนี้เดือนละ 200,000 คนก็ถือว่าดีแล้ว ซึ่งการปิดเมืองมาเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปี หากเริ่มเปิดเมือง ครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญของเมืองพัทยา ทำให้ภาคธุรกิจก้าวไปข้างหน้าได้
นักท่องเที่ยวไทย ช่วยประคองภาคท่องเที่ยว
นายบุญอนันต์ กล่าวว่า ในช่วงปี 2561 -2562 รายได้จากการท่องเที่ยวพัทยาอยู่ที่ 276,000 ล้านบาท เมื่อปี 2563 เหลือเพียง 60,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ตอนนี้มาจากนักท่องเที่ยวไทยเป็นหลัก
ในช่วงสุดสัปดาห์ เมืองพัทยามีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางมาเป็นจำนวนเพิ่มขึ้น อย่างเกาะล้าน มีแต่คนไทยเข้ามาเที่ยว หากสามารถรักษานักท่องเที่ยวไทยกลุ่มนี้ไว้ แล้วนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้จากการเปิดให้ท่องเที่ยว รายได้จาก 2 กลุ่ม จะทำให้เศรษฐกิจเมืองพัทยาดีขึ้นกว่าเดิม
นักท่องเที่ยวไทยอาจทำให้เราเลี้ยงตัวได้ แต่หากหวังให้เศรษฐกิจมีการพัฒนาและเติบโต คงพึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้วย
ในช่วงปกติจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงไฮ ซีซัน 800,000 -1,000,000 คน /เดือน หากไม่มีทำให้เราสูญเสียรายได้ ค่อนข้างเยอะ
นายบุญอนันต์ กล่าวว่า หากเปิดเมืองขึ้นมา ทำให้เกิดข้อกังวลในเรื่องของการแพร่ระบาดของโควิด ว่าภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องมีการควบคุมดูแลอย่างไร ซึ่งได้มีการทำหลักเกณฑ์การปฏิบัติ (SOP) ซึ่งเป็นขั้นตอนการควบคุมดูแลการปฏิบัติตัวของนักท่องเที่ยว และการปฏิบัติตัวของผู้ประกอบการ และพนักงานในสถานประกอบการ ตรงนี้ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าเรามีมาตรการรองรับแน่นอน
นักท่องเที่ยวที่เข้ามาไม่ได้เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อ ทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนกันครบแล้ว เข้ามามีการตรวจสอบ RC-PCR 3 รอบตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ อาจต้องมาห่วงเรื่องการระบาดภายในประเทศ มากกว่า
ขณะนี้ สถานประกอบการไม่ว่า โรงแรม ร้านอาหาร กิจกรรมแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ มีกิจกรรมที่ไปส่งเสริมให้ครอบครัว หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยเพิ่มมากขึ้น มีการปรับตัวรับนักท่องเที่ยวไทยมากขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์กับคนไทย ที่ได้เข้ามาในเมืองพัทยา
ตั้งแต่ เม.ย.ถึงปัจจุบัน เมืองพัทยาปรับปรุงภูมิทัศน์ ระบบสาธารณูปโภค ให้เสร็จให้ทัน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นภาคเอกชนพร้อมแล้ว ที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยว ถ้าจับมือไปพร้อมกันทั้งเอกชนและภาครัฐ ก็จะทำให้บรรลุเป้าหมาย และพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวให้เร็วขึ้น
เมื่อคนได้รับวัคซีนมากขึ้น ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ เพราะฉะนั้นจะทำให้ปลอดภัย ทั้งนักท่องเที่ยวประชาชนและสถานประกอบการ เมื่อมีความมั่นใจ สามารถควบคุมโรคระบาดได้แล้วเชื่อว่าในสเตปถัดไป เดือนถัด ๆ ไป จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้น จะทำให้เศรษฐกิจพัทยามีความคึกคักขึ้น
เร่งผลักดันโรงแรมมาตรฐาน Sha+
นายบุญอนันต์ กล่าวว่า โรงแรมที่มีมาตรฐาน Sha ในพัทยา มีมากกว่า 80 % แต่หากสถานประกอบการที่จะเข้าร่วมโครงการ พัทยา มูฟ ออน จะต้องเข้ามาตรฐาน Sha+ คือต้องได้รับวัคซีน 70 % ของบุคคลากรในสถานประกอบการ ส่วนที่ต้องสัมผัสกับนักท่องเที่ยว ต้องได้รับวัคซีน 100 %
ขณะนี้มีโรงแรมที่ได้รับมาตรฐาน Sha+ แล้ว ทั้งหมด 19 แห่ง จากที่ยื่นความจำนงไปกว่า 50 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจรับรอง มั่นใจว่าเพียงพอที่จะรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะเดินทางเข้ามาในชุดแรกอย่างแน่นอน ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยเข้าไปในสถานประกอบการก็จะต้องปฏิบัติตามวิธีการเดียวกัน
ทั้งนี้ ยังมีข้อถกเถียงกันว่า นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ไปยุ่งกับนักท่องเที่ยวต่างชาติเลย หากเดินทางเข้ามาในเมืองพัทยา จะมีขั้นตอนการปฏิบัติตัวอย่างไร ตรงนี้อาจรอความชัดเจนจากรัฐบาล
10 จังหวัดที่เปิดเมือง มีขั้นตอนไม่เหมือนกันเลย จึงอยากผลักดันให้มีรูปแบบเดียวกัน ให้ทุกจังหวัดมีทิศทางเดียวกัน มีขั้นตอนการปฏิบัติแบบเดียวกัน หากต้องเดินทาง 2 จังหวัด แต่มี 2 เงื่อนไข อาจทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความสับสน
เตรียมพร้อมส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยว
นายบุญอนันต์ กล่าวว่า ล่าสุดที่ได้พูดคุยกับนายกเมืองพัทยา ถึงกิจกรรมที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นงานพลุ งานลอยกระทง แต่งานอีเว้นท์เหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับทางรัฐบาล เชื่อว่าหากมีการจัดกิจกรรมขึ้นภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมโรค จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวไทยกลับมาได้ เพราะงานพลุเมืองพัทยาเป็นงานที่หลายคนตั้งตารอ ทยอยจองโรงแรมเข้ามา แต่โรงแรมก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะได้จัดหรือไม่ มองว่าหากไม่ชัดเจนเรื่องการเปิดเมือง อาจจทำให้เสียโอกาส
SMEs อาจไม่มีโอกาสฟื้น
นายบุญอนันต์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ COVID-19 เมืองพัทยามีการปิดกิจการของ SMEs ไปแล้วกว่า 50 % ของปกติ ซึ่งกลุ่มนี้อาจไม่ฟื้นกลับมาได้ ซึ่งที่เหลืออีก 50 % ที่ยังเปิดอยู่ก็ดำเนินการตามศักยภาพที่มีอยู่ของสถานประกอบการนั้นๆ เพราะฉะนั้นจึงมีการผลักดันให้มีการเปิดเมืองเพื่อให้ 50 % นี้อยู่ได้
ขณะที่ การเปิดพัทยารับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง มีเป้าหมายที่ตลาดรัสเซีย อินเดีย นักท่องเที่ยว 2 กลุ่มนี้เดินทางเข้ามา เดือนหนึ่ง 1-2 แสนคน ก็ถือว่าเป็นกำไรของเมืองพัทยาแล้ว รายได้เราก็เพิ่มมา 20 % จากไม่มีเลยเป็น 0 ขึ้นมา 20-30 % เราก็หายใจได้มาอีกครั้งหนึ่ง
เอกชนกังวลมาตรการเข้ม ผลักต่างชาติเที่ยวประเทศอื่น
สอดคล้องกับที่ นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี ระบุว่า 80 % ของนักท่องเที่ยวเมืองพัทยา เป็นชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มจีน อินเดีย และรัสเซีย เมื่อปิดท่องเที่ยวโรงแรม 5 ดาวติดทะเล พร้อมโปรโมชันลดราคา คือหมุดหมายของนักท่องเที่ยวไทย
ส่วนโรงแรม 3 ดาว มีรายได้กลายเป็น 0 ดังนั้น ทางรอดของธุรกิจโรงแรมส่วนใหญ่ในพัทยาก็ยังเป็นการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้เร็วที่สุด
หลายโรงแรมหมดทุกอย่างทั้งพนักงาน ต้นทุน พวกนี้เกินครึ่งกลับมาเปิดไม่ได้แล้ว ส่วนคนที่อยู่รอดคือ โลเคชันดี มีบริการหลากหลาย และมีเงินสำรองที่เป็นสายป่านยืดออกไปรอจนถึงวันเปิดเมือง
นักท่องเที่ยวแบกภาระค่าตรวจคัดกรองสูง
ธเนศ มองว่า อุปสรรคสำคัญสำหรับพัทยามูฟออน นอกจากความไม่ชัดเจนในกรอบเวลาของภาครัฐแล้วยังมีอีก 3 ปัจจัย คือ การตรวจ RT-PCT ถึง 3 ครั้ง ในราคาที่นักท่องเที่ยวต้องจ่าย 8,500 บาท รวมถึงปัจจัยเบี้ยประกันประมาณ 5,000-6,000 บาท และข้อห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งขัดกับวัฒนธรรมอาหารการกินของนักท่องเที่ยวปัจจัยเหล่านี้จะยิ่งผลักนักท่องเที่ยวให้เลือกไปที่อื่นแทน
ค่าตรวจ ค่าประกันรวม ๆ กันเกือบเท่าค่าตั๋วเครื่องบินกับแพ็กเกจโรงแรมแล้ว ยังต้องเที่ยวในพื้นที่ที่จำกัด ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ แต่นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มไปเที่ยวมัลดิฟ อียิปต์ ตุรกี หรือแม้แต่เวเนซูเอลาเขาเที่ยวได้ปกติ แล้วใครจะมาไทย
ธเนศ ยังเสนอว่า หากรัฐบาลผ่อนปรนให้ RT-PCR ในวันแรกหรือ DAY 0 แล้วอีก 2 ครั้งใช้ ATK แทน จะช่วยลดค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในส่วนนี้ได้ และเป็นโอกาสที่จะได้รับนักท่องเที่ยวมากขึ้น ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องอย่าลืมว่า หลายประเทศอยู่ได้ด้วยการท่องเที่ยวเหมือนกับประเทศไทย
เมื่อคู่แข่งผ่อนปรนจนสุด แต่เรายังยึกยักอยู่การแข่งขันก็จะลำบาก
ธุรกิจบันเทิงพร้อมให้ภาพรวมเดินหน้าไปก่อน
สถานบันเทิงพร้อมเปิดทีหลังให้ธุรกิจภาพรวมไปได้ก่อน
นายดำรงเกียรติ พินิจการ ผู้บริหารฮอลลีวูด พัทยา กล่าวว่า หลังโควิดระลอก 3 ภาคธุรกิจกลางคืนก็เป็นธุรกิจแรกที่รัฐบาลสั่งให้ปิด ขณะนี้ก็ยังไม่ได้เปิด ซึ่งกระทบ 100 % รวมถึงเมืองพัทยา เป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว 80 % ธุรกิจของเมืองพัทยาทุกอย่างพึ่งการท่องเที่ยวทั้งหมด
ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหา COVID-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถบินเข้ามาท่องเที่ยวได้ จึงกระทบเป็นโดมิโน ตั้งแต่สนามบินปิด การขนส่ง รถแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง โรงแรม ร้านอาหาร รวมไปถึงสถานบันเทิงกลางคืน
ขณะที่ เมื่อมีแนวโน้มที่จะเปิดประเทศ ทุกคนก็อยากให้เปิดประเทศ เช่น กรณี จ.ภูเก็ต มีชาวต่างชาติกลับมาทำให้เม็ดเงินเริ่มหมุนเวียน ทุกคนเริ่มมีงานทำ
ขณะที่เมืองพัทยาซึ่งพึ่งพานักท่องเที่ยวเป็นหลัก พอทราบข่าวว่าในช่วง ต.ค.นี้จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้ ผู้ประกอบการบางรายได้เริ่มไปจัดเก็บ ทำความสะอาดร้าน แต่ต้องมาดูข้อกฎหมาย เมื่อถึงวันที่เปิดประเทศได้จริง ภาคธุรกิจ สถานบันเทิง รัฐบาลจะให้เปิดได้หรือไม่ และมาตรการจะต้องเป็นอย่างไร
อยากให้เปิด แต่ก็กลัวกระแสสังคม เพราะมองว่าโควิดระลอก 3 ที่ระบาดมา ก็มาจากธุรกิจสถานบันเทิงกลางคืน เราก็เหมือนถูกโจมตีทางสังคมอยู่แล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เช็กสัญญาณสาธารณสุข ก่อนคิกออฟ "พัทยามูฟออน"
ไฟเขียวลดเวลา "กักตัวต่างชาติ" เที่ยวไทยนำร่อง 5 จังหวัดเปิดเมือง