วันนี้ (22 ก.ย.2564) จากกรณีมีเด็กที่มีอายุเกิน 12 ปี ที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ และเกิดปัญหากล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมากถึงคุณภาพและความเหมาะสมของวัคซีนกับเด็ก
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า วัคซีนไฟเซอร์ที่รัฐบาลจัดหาจำนวน 30 ล้านโดส เพื่อนำมาฉีดให้กับเด็ก และเยาวชนอายุ 12 ปีขึ้น ซึ่งทั่วประเทศมีอยู่ 5 ล้านคน มีความปลอดภัย และผ่านการการทดลอง ศึกษาวิจัย ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
ไม่ใช่เพราะเป็นวัคซีน mRNA จึงขอให้ผู้ปกครองมั่นใจ ขณะเดียวกัน เตรียมให้กรมควบคุมโรค จัดทำคู่มือการฉีดวัคซีนสำหรับเด็ก เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ปกครอง
ส่วนวัคซีนสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี อยู่ระหว่างรอบริษัทผู้ผลิตวัคซีนมาขึ้นทะเบียนกับ อย. หากไม่ผ่านการขึ้นทะเบียน ก็จะไม่นำมาฉีดให้เด็กเป็นอันขาด แต่หากมีผลวิจัยรองรับว่ามีประสิทธิภาพ และปลอดภัย ก็จะเร่งจัดหาเพื่อมาฉีดให้เด็กทันที
ทั้งนี้ ขอให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม ประมาณกว่า 2 ล้านคน มารับวัคซีนเข็มกระตุ้นที่จะเริ่มในวันที่ 24 ก.ย.นี้ โดยระบบจะทยอยส่งข้อความผ่านมือถือ หรือผ่านหน่วยบริการที่ฉีดวัคซีนไว้ก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกัน สิ้นเดือน ต.ค.นี้ จะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนครบ 60 ล้านโดส และมั่นใจว่ากลุ่มเป้าหมาย จะได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส ภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน
นายอนุทิน กล่าวว่า จำนวนวัคซีนโควิด-19 ปีนี้ มีความเพียงพอ รวมทั้งได้จัดหาวัคซีนบูสเตอร์โดส หรือวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ให้ประชาชนไว้แล้ว ซึ่งจะฉีดเข็มเดียว เบื้องต้น เตรียมไว้ประมาณกว่า 100 ล้านโดส แต่ต้องดูสถานการณ์ในช่วงเวลานั้นประกอบกันด้วย
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปีหน้า ปัญหาวัคซีนต่างๆ จะคลี่คลาย ทั้งราคาวัคซีนก็น่าจะลดลง เนื่องจากมีวัคซีนมากขึ้น และวัคซีนจะเข้ามาตามกำหนดไม่เหมือนในปีนี้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
"หมอปลา" นำผู้บำบัดยาเสพติดแจ้งความคดีค้ามนุษย์
นักธุรกิจโรงแรมพัทยา ปรับตัวขาย "ปาท่องโก๋" กึ่งสำเร็จรูป