วันนี้ (16 ก.ย.2564) พญ.วิทิตา แจ้งเอี่ยม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวว่า จากการศึกษาวิจัยเรื่องการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ด้วยวัคซีนแอสตราเซเนกา แบบฉีดเข้าผิวหนัง โดยใช้ปริมาณวัคซีนเพียง 20 เปอร์เซนต์ หรือ 0.5 มิลลิลิตร ทำให้สามารถฉีดวัคซีนได้มากขึ้นถึง 5 เท่าของการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
สำหรับผลการทดลองพบว่าภูมิต้านทานของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแบบใต้ผิวหนังมีค่าเฉลี่ยสูงกว่า ผู้ที่รับการฉีดวัคซีนแบบทั่วไปเล็กน้อย ผู้รับวัคซีนทั้ง 2 กลุ่มมีค่าภูมิคุ้มเกินเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนด ซึ่งผลข้างเคียงในการฉีดวัคซีนแบบใต้ผิวหนัง มีน้อยกว่าการฉีดแบบทั่วไป เช่น มีไข้หรือปวดศีรษะเพียง 70 คน เมื่อเทียบกับการฉีดแบบทั่วไป 98 คน แต่การฉีดวัคซีนแบบใต้ผิวหนังจะมีผลข้างเคียงบริเวณที่ฉีด เช่น ระคายเคือง และบวมแดงมากกว่าแต่ไม่เป็นที่น่าวิตกกังวล
ด้าน นพ.เฉลิมพงษ์ สุคนธผลผู้ อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า งานวิจัยนี้เป็นทางเลือกในการบริหารวัคซีนของ จ.ภูเก็ต และน่าจะเป็นทางเลือกของประเทศไทยในการใช้วัคซีนเข็มที่ 3 ที่ใช้ปริมาณน้อยลงถึง 5 เท่า
การวิจัยนี้ทำเพื่อยืนยันผลการฉีดวัคซีนแบบใต้ผิวหนังว่า ภูมิคุ้มกันหลังฉีดมีค่าเฉลี่ยเท่ากับหรือสูงกว่าการฉีดแบบทั่วไป เป็นการเปิดมิติใหม่ในการใช้วัคซีนเข็ม 3 ให้ประชาชน
ทั้งนี้ จ.ภูเก็ต พร้อมที่จะนำร่องในการฉีดวัคซีนแบบใต้ผิวหนังให้ชาวภูเก็ตจำนวน 200,000 คน ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มหากได้รับอนุมัติจากกระทรวงสาธารณสุข