วันที่ 4 ส.ค.2564 ที่ผ่านมา คนไทย 18 คน ชาวต่างชาติ 3 คน ถูกควบคุมตัวใกล้บ้านหนองหญ้าแก้ว ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ขณะพยายามลักลอบข้ามแดนไปกัมพูชา
2 วันถัดมา กลางดึกวันที่ 6 ส.ค.2564 คนไทย 6 คน ถูกจับในหมู่บ้านเดียวกัน ขณะจะข้ามแดนไปกัมพูชาเช่นกัน
ไม่กี่วันต่อมา (12 ส.ค.) คนไทยอีก 6 คนถูกจับขณะกำลังลักลอบเดินข้ามพรมแดนไปกัมพูชา หนึ่งในนั้นอายุไม่ถึง 18 ปี และเป็นอีกครั้งที่เหตุการณ์เกิดขึ้นใกล้บ้านหนองหญ้าแก้ว
ในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ มีคนไทยต้องการหนีข้ามแดนออกนอกประเทศ มากถึง 30 คน ทุกครั้งเกิดขึ้นใกล้หมู่บ้านหนองหญ้าแก้ว สอดคล้องกับพฤติกรรมของขบวนการนำพาคนไทยไปทำงานที่กัมพูชา ตามที่ทีมงาน The Exit ได้เฝ้าสังเกตการณ์มาก่อนหน้านี้ The EXIT : แฉขบวนการข้ามแดนเย้ยโควิด
จากการติดตามขบวนการนำพาคนไทยลอบข้ามแดนไปทำงานกัมพูชา ทีมงาน The EXIT พบว่า ผู้นำพาขับรถมารับผู้ที่ต้องการไปทำงาน ณ จุดที่นัดหมาย จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปที่ อ.โคกสูง ใกล้กับ บ้านหนองหญ้าแก้วทันที
ทีมงานที่แฝงตัวในขบวนการได้รับข้อมูลว่า ผู้ที่เตรียมข้ามแดนจะถูกนำไปพักไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง จากนั้นจะมีคนนำเดินข้ามพรมแดนในช่วงกลางดึก
ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เจ้าหน้าที่จับคนไทยลักลอบเดินทางไปประเทศกัมพูชาในพื้นที่ จ.สระแก้วได้ 158 คน เกือบทั้งหมดเกิดขึ้นใน อ.โคกสูง
สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะชายแดน อ.โคกสูง เป็นพื้นที่เกษตรกรรม แตกต่างจากพื้นที่อื่น ๆ ใน จ.สระแก้วที่มีคลองคูเลตเป็นแนวแบ่งเขตการลักลอบเดินทางข้ามพรมแดนด้าน อ.โคกสูงจึงทำได้ไม่ยาก
พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว บอกว่า อ.โคกสูงมีพื้นที่ติดต่อกับประเทศกัมพูชา สามารถเดินถึงกันได้หลายช่องทาง
มีหมู่บ้านที่ติดแนวชายแดน มีบางคนที่อาจมีพฤติกรรมแบบนี้มาตั้งแต่ในอดีต ที่อาจจะรู้เห็นและให้ความช่วยเหลือ ติดต่อกับคนฝั่งโน้นเพื่อมารอรับเพื่อนำพาเดินทางไปทำงาน
บ้านหนองหญ้าแก้ว อยู่ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา ประมาณ 1 กิโลเมตร การเดินทางไปที่นั่น ต้องผ่านทั้งด่านตรวจของฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคง
จากการติดตามปัญหาลักลอบข้ามแดน เครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดสระแก้ว พบว่า กลุ่มขบวนการมักใช้คนในหมู่บ้านและใช้รถยนต์ที่ผ่านเข้าออกพื้นที่ประจำ จึงนำคนต่างถิ่นไปที่นั่นโดยไม่ผิดสังเกต
นายอัมรินทร์ ยี่เฮ็ง เครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดสระแก้ว ระบุว่า มีหลายเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ประจำด่านไม่ตรวจรถที่ผ่านเข้าออกเป็นประจำ สาเหตุหนึ่งอาจเพราะเป็นคนในพื้นที่ แต่อีกสาเหตุอาจมาจากมีการใช้เงินเคลียร์ทางล่วงหน้า
ต้องยอมรับก่อนว่า ขบวนการพวกนี้ยอมจ่าย พวกนี้ไม่ได้สนใจว่าใครจะติดโรค อาจคิดว่าคงไม่ติดหรอก คนมาก็พาข้ามไปเลย จนกลายเป็นว่าการเอาคนเข้าคนออก มันเป็นการเอาคนมาแพร่เชื้อทั้งหมดเลย
ข้อมูลจากสถานีตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยไม่มีกฎหมายลงโทษทั้งผู้นำพา และคนไทยที่ลักลอบออกนอกราชอาณาจักร
อย่างเช่นกรณีคนไทย 6 คนที่ถูกจับขณะพยายามลอบข้ามพรมแดน เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา ตำรวจตั้งข้อหามั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค ตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะที่ ข้อมูลจากการสืบสวนพบว่าการเดินทางแต่ละครั้งทำเงินให้นายหน้าหลักพันบาท และเพิ่มเป็นหลักหมื่นบาทในช่วงสถานการณ์โควิด 19 โดยมีตัวเลขรายได้กว่า 2 หมื่นบาทล่อใจให้คนไทยจำนวนหนึ่งหลงเชื่อ
ดังนั้น การไปกัมพูชาแบบผิดกฎหมายจึงยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้อยู่ในสถานการณ์ควบคุมโรคระบาดอย่างเข้มงวดเช่นนี้
ที่ผ่านมาพบว่า เฉพาะปีนี้มีเกือบหนึ่งร้อยคนที่ร้องขอไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ สถานทูตให้ช่วยเหลือและส่งกลับมายังประเทศไทย ทั้งหมดถูกหลอก ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว หลายคนถูกทำร้ายร่างกาย และ เสี่ยงถูกขายต่อให้นายจ้างคนอื่น