วันนี้ (8 ม.ค.2564) แนนซี่ เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในอาคารรัฐสภาว่า เกิดขึ้นจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยั่วยุให้เกิดเหตุจลาจลที่มีการใช้อาวุธเพื่อต่อต้านสหรัฐฯ บุกโจมตีอาคารรัฐสภาซึ่งถือเป็นวิหารแห่งประชาธิปไตยของชาวอเมริกัน และยังพุ่งเป้าใช้ความต่อสภาคองเกรส ถือเป็นรอยด่างตลอดกาลในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้รองประธานาธิบดีใช้อำนาจในบทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา ฉบับที่ 25 วรรคที่ 4 ถอดถอนประธานาธิบดี ซึ่งให้อำนาจรองประธานาธิบดีขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรักษาการประธานาธิบดีได้
กรณีที่เห็นว่าประธานาธิบดีไม่สามารถใช้อำนาจหน้าที่บริหารประเทศได้อย่างเหมาะสมอีกต่อไป ซึ่งจะตีความว่าการยุยงปลุกปั่นมวลชนจนเกิดความรุนแรง ของทรัมป์ขัดต่ออำนาจประธานาธิบดีก็ได้ แต่ข้อนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดียอมร่วมมือด้วย
เปโลซี กล่าวว่า หากรองประธานาธิบดีไม่ยอมดำเนินการ สภาคองเกรสอาจจะเตรียมถอดถอนเอง
เช่นเดียวกับอดัม คินซิงเกอร์ สส.จากรัฐอิลลินอยส์ สังกัดพรรครีพับลิกัน ที่เรียกร้องให้รัฐบาลถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่มีความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่
ทั้งนี้ ทรัมป์จะต้องลงจากตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.นี้ โดยโจ ไบเดน จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันเดียวกัน
ทั่วโลกตำหนิเหตุการณ์บุกรัฐสภาสหรัฐฯ
เหตุการณ์บุกอาคารรัฐสภาของสหรัฐอเมริกาสร้างความตกตะลึงให้คนทั้งโลก และนำไปสู่เสียงวิจารณ์ว่าสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นต้นแบบของประชาธิปไตยอีกต่อไป โดยนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ระบุว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาทำผิดพลาดอย่างสิ้นเชิง ที่ตั้งข้อสงสัยต่อการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม พร้อมประณามเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในอาคารรัฐสภาของสหรัฐฯ เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปด้านในเพื่อขัดขวางกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี
ด้านโฆษกของเลขาธิการองค์การสหประชาชาติกล่าวว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ทำให้เลขาธิการองค์การสหประชาชาติรู้สึกเสียใจเมื่อรับทราบเรื่องนี้ และสะท้อนว่าผู้นำทางการเมืองจำเป็นต้องชี้แนะให้ผู้ติดตามละเว้นจากการใช้ความรุนแรงและเคารพกระบวนการตามหลักประชาธิปไตย เคารพกฎหมาย
เช่นเดียวกับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของโปรตุเกสและตุรกี ที่ประณามการใช้ความรุนแรง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความประหลาดใจและแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก พร้อมเรียกร้องให้โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริการับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ในขณะที่ชาวเซเนกัลหลายคน บอกว่าทั้งประหลาดใจและกังวลเมื่อทราบข่าวนี้ เพราะในทวีปแอฟริกาเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่สำหรับสหรัฐอเมริกาซึ่งถือเป็นดินแดนแห่งประชาธิปไตย สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าประชาธิปไตยของชาวอเมริกันกำลังถูกคุกคาม ในอดีตสหรัฐฯ คือต้นแบบของการพัฒนาและประชาธิปไตย แต่ตอนนี้เราไม่สามารถพูดแบบนั้นได้อีกแล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ล็อกดาวน์ด่วน! กลุ่มสนับสนุน "ทรัมป์" รวมตัวบุกรัฐสภา
วุ่น! หลายแพลตฟอร์มออนไลน์ ล็อกบัญชี "ทรัมป์" ชั่วคราว
สรุปเหตุวุ่นวาย ประชุมรับรองผลเลือกตั้ง "ประธานาธิบดีสหรัฐฯ"
จลาจลรัฐสภาสหรัฐฯ ดับ 1 คน "วอชิงตัน ดีซี" ประกาศเคอร์ฟิว