วันนี้ (31 ก.ค.2563) จากกรณีกรรมาธิการของสภาฯ ให้ตำรวจชี้แจงประเด็นเมาแล้วขับ ความเร็ว และกรณีที่พบสารเสพติดในร่างกายคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส โดยจากเอกสารผลตรวจร่างกาย พบสารโคเคนเอธทีลีน ซึ่งพบได้หลังเสพโคเคน ร่วมกับแอลกอฮอล์ แต่ประเด็นนี้ไม่ได้อยู่ในสำนวนของตำรวจ
ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยอมรับว่า พบส่วนผสมสารเสพติดโคเคนในเลือดของนายวรยุทธตั้งแต่ต้น แต่ได้รับการยืนยันจากทันตแพทย์ ว่าสารที่ตรวจพบเป็นยาที่ใช้รักษาฟัน ทำให้ไม่ตั้งข้อหายาเสพติด
ล่าสุด ทพ.ธงชัย วชิรโรจน์ไพศาล อดีตอุปนายกทันตแพทยสภา ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ยาชาที่หมอฟันใช้ในปัจจุบันที่ขึ้นบัญชียาหลักแห่งชาติ คือ ลิโดเคน แม้จะลงท้ายด้วยเคนเหมือนกัน แต่เป็นคนละตระกูลกันกับโคเคน โดยโคเคนเคยใช้เป็นยาชา จัดอยู่ในตระกูล Esters ที่เคยใช้มาเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว
ปัจจุบันไม่มีหมอฟันคนใดในโลกใช้อีก เพราะว่าพบอาการแพ้ยาได้มากและมีฤทธิ์เสพติด ปัจจุบันยาชาที่หมอฟันใช้จะเป็นยาชาตระกูล Amides ที่พัฒนาขึ้นมา เช่น ลิโดเคน เมพิวาเคน อาติเคน ซึ่งปลอดภัยกว่า มีโอกาสพบการแพ้ยาชาได้น้อยมาก
โคเคนที่เป็นสารเสพติด กับ ลิโดเคนที่ใช้เป็นยาชา อยู่กันคนละตระกูล โครงสร้างทางเคมีไม่เหมือนกัน ดังนั้น ไม่ต้องห่วงว่าเวลาหมอฟันฉีดยาชาแล้ว จะตรวจพบโคเคนในกระแสเลือด
สอดคล้องกับ รศ.วีระชัย พุทธวงศ์ ภาควิชาเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า Cocaethylene ที่ตรวจพบในเลือด เกิดจากการเสพโคเคนร่วมกับแอลกอฮอล์ ไม่เกี่ยวกับโคเคนรักษาฟัน โคเคนที่ใช้เป็นยาชาเฉพาะที่ในงานทันตกรรม คือ Lidocaine หรือที่เรียกว่า lignocaine หมอใช้ปริมาณน้อย ต่างจากตัวที่ตรวจพบในเลือด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตั้ง 3 ประเด็นสอบตำรวจคดี "บอส วรยุทธ"
ต้องอ่าน! “ความเร็วรถบอส อยู่วิทยา” วิทยาศาสตร์ หรือ จินตนาการ
ต้องอ่าน! เครือข่าย (ผู้เสพ) ยาเสพติด กับ “บอส อยู่วิทยา”
ต้องอ่าน! “ความเร็วรถบอส อยู่วิทยา” วิทยาศาสตร์ หรือ จินตนาการ