รายงานผลการตรวจร่างกาย เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2555 หลังจากเกิดอุบัติเหตุ รถเฟอร์รารี่ พุ่งชน รถจักรยานยนต์ ของ ด.ต.วิเชียร จากภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
ผลการตรวจเลือดฉบับนี้ (ในภาพ) เป็นผลหลังจากเก็บตัวอย่างเลือด ในวันที่ 3 ก.ย.2555 หลังจาก “บอส” นาย วรยุทธ อยู่วิทยา ยอมรับว่า เป็นผู้ขับรถยนต์เฟอร์รารี่ และอ้างคำให้การว่า ได้ดื่มสุราหลังจากกลับไปที่บ้าน เพราะเกิดความเครียด หลังจากเกิดอุบัติเหตุ เมื่อเวลาประมาณ 5.30 นาที
“บอส” ปฎิเสธข้อหามึนเมาสุรา ขณะขับรถ
แพทย์รายงานผลการตรวจเลือด ว่า พบสารแปลกปลอม ในร่างกาย นายวรยุทธ อยู่วิทยา ดังต่อไปนี้
1. Alprazolam (อัลปราโซแลม) เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่ 5 ตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯ ทางการแพทย์ อาจใช้เป็นยานอนหลับ หรือยาแก้โรคทางจิตประสาท พบในปัสสาวะได้นานถึง 3-4 วัน หลังเสพ
2. Benzoyleegorine (เบ็นซอยลีโกรีน) เป็นสาร เกิดจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย (Metabolism) หลังจากการเสพ Cocaine (โคเคน)
Cocaine เป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ ปกติจะไม่พบ Cocaine (โคเคน) ปนอยู่ในยา หรือ อาหาร Cocaine (โคเคน) อยู่ในเลือดได้นานถึง 18-24 ชั่วโมง หลังเสพ
3. Cocacthylene (โคเคแอคทีลีน) เป็นสาร เกิดขึ้นในเลือด จากกระบวนการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย (Metabolism) หลังจากการเสพ Cocaine (โคเคน) ร่วมกับแอลกอฮอล์
4. Caffeine (คาเฟอีน) ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ และไม่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทตาม พ.ร.บ. วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯ เป็นสารที่พบได้ในชา กาแฟ เครื่องดื่มบำรุง เป็นต้น และพบในปัสสาวะได้นานถึง 2-3 วัน หลังดื่ม
ข้อหายาเสพติด
เมื่อผลการตรวจเลือดพบสารเสพติด ประเภท Cocaine (โคเคน) ตามข้อที่ 2 -3 ซึ่ง เป็นยาเสพติดประเภท ที่ 2 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ พนักงานสอบสวน (ขณะนั้น) จะต้องสอบสวนขยายผล ว่า
“บอส” ใช้สารเสพติด Cocaine (โคเคน) หรือไม่ ?
“บอส” นำสารเสพติด Cocaine (โคเคน) มาจากที่ไหน
“บอส” อยู่ในสถานะเป็นผู้เสพ หรือ ผู้ครอบครอง หรือ ผู้จำหน่าย ยาเสพติด
“บอส” ครอบครองยาเสพติด Cocaine (โคเคน) ปริมาณเท่าไหร่ หลังจากเสพร่วมกับแอลกอฮอล์แล้ว ปริมาณ Cocaine (โคเคน) ที่เหลือ อยู่ที่ไหน
.
และทำไมพนักงานสอบสวน เมื่อรับทราบผลการตรวจเลือดแล้ว จึงไม่มีในรายงานการสอบสวน จะมีความผิดตามมาตรา 157 หรือไม่
การครอบครองสารเสพติดในประเภทที่ 2 นี้ เป็นความผิด มีโทษจำคุก ขั้นสูง 10 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
.
ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 22 ในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด สำหรับฐานความผิดซึ่ง ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ถ้ามิได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลภายในกำหนด 30 ปี นับแต่วันกระทำความผิด เป็นอันขาดอายุความ
.
แต่หากเป็นเพียงผู้เสพ ต้องนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดยาเสพติด